ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 20-05-2012, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,953 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ให้ทุกท่านขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาสติสัมปชัญญะความรู้สึกของเราทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้า..ผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ตามแต่เราชอบใจ หรือตามที่เรามีความถนัดมาก่อน

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่สองของเดือนพฤษภาคมของเรา

การที่ญาติโยมทั้งหลายกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก อานิสงส์ประการแรกก็คือ ทำให้จิตของเรามีที่ยึดเกาะ จะได้ไม่สอดส่ายไปยังที่อื่น อานิสงส์ข้อต่อไปก็คือ เมื่อสมาธิของเราทรงตัวตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหลาย จะโดนอำนาจของปฐมฌานกดดับลงไปชั่วคราว ทำให้จิตของเราผ่องใส ปราศจากกิเลสด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ จัดเป็นวิขัมภนวิมุตติ คือการหลุดพ้นด้วยการข่มไว้ด้วยสมาธิภาวนา

และถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีปัญญา มองดูลมหายใจเข้าผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ไปสุดที่ท้อง ออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก ไปสุดที่ปลายจมูก ก็จะเห็นว่า แม้ลมหายใจเข้าออกของเรา ก็หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปอยู่เสมอ จากจมูก ไปที่อก ไปที่ท้อง จากท้อง มาที่อก มาที่ปลายจมูก ความเปลี่ยนแปลงนี้ ปรากฏอยู่ทุกชั่วลมหายใจเข้าออก ตลอดระยะกองลมเข้า ตลอดระยะกองลมออก เราจะเห็นความไม่เที่ยง คือความเปลี่ยนแปลงของลมหายใจอยู่เสมอ ซึ่งตรงจุดนี้เราต้องใช้ปัญญาควบเข้าไปด้วยถึงจะมองเห็นได้

เรายังจะเห็นต่อไปอีกว่า การที่เราต้องมากำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกนั้น ต้องใช้ความพากเพียรพยายามเป็นอย่างยิ่ง การที่เราต้องมาเพียรดูเพียรรู้ บังคับตัวเองอยู่กับลมหายใจเข้าออก นั่นก็คือความทุกข์ แปลว่าขณะที่เราดูลมหายใจเข้า ดูลมหายใจออกอยู่ เราก็อยู่กับกองทุกข์อยู่ตลอดเวลา

แล้วในที่สุดแม้กระทั่งลมหายใจเข้าออกนี้ ก็ยึดถือมั่นหมายไม่ได้ เพราะว่าท้ายสุดเมื่อลมหายใจขาดไป ชีวิตินทรีย์นี้สิ้นไป ลมหายใจก็สลายไปหมด ไม่มีอะไรเหลือให้เรายึดถือมั่นหมายได้ กลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2012 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา