ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 25-04-2024, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,429 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เรามาปฏิบัติธรรมจึงเป็นการที่มาเพื่อหยุดความฟุ้งซ่านของเราเอง พอใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน เดี๋ยวก็จะเห็นช่องทางเองว่า ทำอย่างไรจึงจะรักษากำลังใจให้ดีได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ต้องไปรู้อย่างนี้ จำไว้ว่าไม่เคยมีใครไม่ทำอะไรผิดเลย ทุกอย่างเป็นบทเรียนที่ให้เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองทั้งนั้น

แต่อย่าใช้โอกาสเปลือง มีโอกาสในการปรับปรุงแก้ไขแล้วต้องรีบฉวยเอาไว้ แล้วก็ทำให้ดีที่สุด ถ้ามัวแต่ปล่อยให้ผ่านไป..ผ่านไป กลายเป็นคนใช้โอกาสเปลือง แล้วถึงเวลาถ้าโอกาสไม่มาอีก ก็ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดกัน..!

ธรรมดาของปุถุชนต้องมี รัก โลภ โกรธ หลง เป็นปกติ แต่ตรงที่ไม่ปกติก็คือเราไปปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แล้วท้ายที่สุด รัก โลภ โกรธ หลง นั้นก็ย้อนมาสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้น..วิธีที่ดีที่สุดก็คือต้องควบคุมให้ได้

วิธีควบคุมในเบื้องต้นก็คือศีล คุมกายกับวาจาเอาไว้ก่อน
กาย..ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มสุราเมรัย
วาจา..ไม่โกหก ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ..อกจะแตกตาย..!

เมื่อตีกรอบตัวเอง ให้กายวาจาอยู่ในกรอบที่เหมาะสมแล้ว ก็สร้างสมาธิให้เกิด จะได้มีกำลังบังคับตัวเอง ให้ทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น ให้กรอบของเรามั่นคงแข็งแรงขึ้น ไม่ใช่พร้อมที่จะพังอยู่ตลอดเวลา ปฏิบัติธรรมมาปีแล้วปีเล่ามีอะไรดีขึ้นไหม ? ถ้าไม่ดีขึ้นต้องหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นเพราะอะไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2024 เมื่อ 12:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา