อาตมาเปรียบเทียบว่าการปฏิบัติธรรมเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เราว่ายมาเต็มที่ ถึงเวลาเลิกปฏิบัติก็ปล่อยลอยตามน้ำไป เมื่อได้เวลาปฏิบัติก็ว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ แล้วก็ปล่อยลอยตามน้ำไปอีก เป็นคนขยันมาก..ตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวัน แต่ไม่มีผลดีอะไรเลย เพราะว่าถึงเวลากิเลสก็กินเราเท่าเดิม แล้วถ้าวันไหนเหนื่อยมาก ว่ายทวนน้ำขึ้นมาได้ไม่เท่าเดิม ถึงเวลาก็จะลอยไปไกลกว่าเดิมอีก
พวกเราที่เคยปฏิบัติมาสักระยะหนึ่ง มักจะพบกับเหตุการณ์จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ควบคุมกำลังใจไม่ได้ แล้วก็ไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ นี่คือสาเหตุใหญ่ แล้วถามว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาอารมณ์นั้นไว้ได้ ? ก็ต้องรู้จักเข็ด รู้จักกลัว
เมื่อตอนที่จิตของเราสงบนั้น มีความสุขขนาดไหน ? แล้วตอนที่จิตฟุ้งซ่านนั้น พาให้เราเดือดร้อนขนาดไหน ? ถ้ารู้จักเข็ด รู้จักกลัว ก็จะเริ่มประคับประคองรักษาใจตนเอง จะไม่ให้ไหลตามกระแส รัก โลภ โกรธ หลง ไปอีก แต่ก็ต้องระวังให้มาก เพราะว่าประมาทเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:24
|