สมัยโน้น...พระและญาติโยมทั้งหลายที่เคารพนับถือพ่อมีมากมายนัก มีอยู่คณะหนึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อและถิ่นที่อยู่ แต่ฟังเรื่องแล้วใครนึกออก ก็ขอได้โปรดทราบว่าหลวงตากำลังเล่าถึงวิบากกรรมความเลวของหลวงตาในเหตุการณ์ขณะนั้น หลวงพี่ท่านก็มุ่งดี ทำดี มีคนเคารพนับถือติดตามเป็นกลุ่มใหญ่มาก ดีทุกอย่าง...แต่มันเกิดเรื่องตรงที่ท่านมาคิดว่าหลวงตาเป็นพระดี ดีถึงที่สุดเสียด้วย ...กรรมดีของท่าน แต่เวรภัยร้าย..เป็นของหลวงตา
เวลาที่ท่านมากราบพระคุณพ่อ (หลวงพ่อฤๅษีฯ พระราชพรหมยาน พระอาจารย์พ่อของหลวงตาและของพวกเราทุกคน) ท่านก็มากราบหลวงตาด้วยทุกครั้ง...ท่านมีพรรษาพระมากกว่าอายุขันธ์ห้าน้อยกว่า หลวงตายังนึกไม่ออกว่าเราเองยอมให้ท่านกราบได้อย่างไร น่าจะพอใจด้วยละหนา ลูกเอ๋ย...โธ่ก็ท่านกราบจริง ๆ กราบทันทีที่พบหน้า ที่พื้นวัดหน้าโบสถ์ ท่านก็ทรุดตัวลงกราบกับพื้น มานึกดูตอนนี้นี่ ถ้าท่านไม่เคารพจริง ๆ ก็ต้องเป็นจงใจทำร้ายกันจริง ๆ กราบนี่ กราบกอบใส่หัวด้วยนะ พูดออกปากด้วยนะว่า
“ขอพระคุณปกเกล้า เป็นที่พึ่งได้กระผมได้บรรลุตามด้วยเถิด”
หลวงตาพยายามนึก แต่นึกไม่ออกว่า ตัวเองรับได้อย่างไรและวางใจอย่างไร แต่ก็ปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดต่อเนื่องได้ตลอดมา... เคยบอกท่านเหมือนกันว่า หลวงตายังไม่ดีตามที่ท่านพูดหรือคาดหวัง แต่ท่านบอกว่า
“พระบอก ไม่ผิดหรอก”
พระหนอพระ (ของท่าน) ...หลวงตาก็อยากจะเชื่อเสียด้วย แต่ไม่ยอมเชื่อตามนั้น! แล้วเหตุการณ์ใหญ่ก็เกิดขึ้นจนได้ เกิดประจักษ์ชัด ๆ ...จนหลวงตาจะเชื่อเสียดีกระมัง... คือมันอย่างนี้ลูก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทาริกา : 25-07-2009 เมื่อ 11:16
|