"ในเมื่อความเชื่อเป็นอย่างนี้ สมัยโน้นก็เลยนิยมกัน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นขันลงหิน ขันลงหินส่วนใหญ่จะตีขึ้นมาจากทองเหลือง หนามาก แล้วใช้หินขัด สมัยโน้นไม่มีเครื่องขัดเครื่องเจียรเหมือนกับสมัยนี้ ต้องใช้เชือกชัก แล้วเอาหินกลม ๆ ที่เป็นพวกหินลำห้วยลำธาร ขัดจนกระทั่งเรียบ ต้องใช้ความอดทนและพยายามสูงมาก ระยะหลังค่อยพัฒนาขึ้นมาเป็นหินลับมีด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหินทรายเอามาขัด
สมัยก่อนกรุงเทพฯ จะมีบ้านบุ บ้านบาตร บ้านหม้อ พวกนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพทำอะไรก็เรียกตามนั้นเลย บ้านบาตรก็มีอาชีพตีบาตร หลอมบาตร รมบาตร บ้านบุก็มีอาชีพบุเงินบุทอง แล้วแต่เขาจะสั่งทำ บ้านหม้อก็ทำหม้อ ถ้าพวกเครื่องปั้นดินเผาก็ต้องที่เกาะเกร็ด จนป่านนี้เกาะเกร็ดก็ยังรักษาชื่อเสียงเรื่องเครื่องปั้นดินเผาไว้ได้ เพราะว่าสมัยโบราณเวลากวาดต้อนพวกเชลยศึกมา ก็จัดสรรที่ให้อยู่จะได้ทำกินกัน ถึงเวลาจะได้เกณฑ์แรงงานได้ง่าย เพราะว่าอยู่รวมกัน
สมัยก่อนพวกมอญมีความชำนาญในการทำเครื่องปั้นดินเผา อย่างสามโคกที่ปทุมธานี แถวนั้นเขาทำเครื่องปั้นดินเผา มีการก่อเตาขึ้นมา คราวนี้ถ้าทำทีละมาก ๆ เตาก็ต้องใหญ่ ถึงเวลาเตาร้างไปก็กลายเป็นดินโคกสูงอยู่ ก่อไว้ ๓ เตาก็กลายเป็นสามโคก พอตอนหลังในหลวงรัชกาลที่ ๒ เปลี่ยนเป็นเมืองปทุมธานี
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว ตั้งแต่นั้นมาก็เปลี่ยนชื่อจากเมืองสามโคกมาเป็นเมืองปทุมธานี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2018 เมื่อ 03:22
|