เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เมื่อวานได้กล่าวถึงการปฏิบัติในอานาปานสติควบกับพุทธานุสติ วันนี้เราก็ยังคงใช้อานาปานสติเป็นหลัก เพราะว่าอานาปานสติหรือการระลึกถึงลมหายใจเข้าออกนั้น เป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง กรรมฐานทั้งหมดถ้าไม่มีอานาปานสติประกอบ ก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงได้อย่างแท้จริง
การที่เราใช้อานาปานสตินั้น สามารถทำให้สมาธิของเราเข้าถึงระดับอัปปนาสมาธิ คือทรงเป็นฌานตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปได้ คราวนี้ในเมื่อเราใช้อานาปานสติควบกับพุทธานุสติแล้ว เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวสูงสุดก็คือ สามารถเห็นภาพพระได้ชัดเจนแจ่มใส สว่างไสวเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยง อธิษฐานให้เล็กก็ได้ ให้ใหญ่ก็ได้ ให้หายไปก็ได้ ให้กลับมาก็ได้ จึงถือว่าเราเข้าถึงอานาปานสติในพุทธานุสติเต็มระดับ เราจะใช้เป็นทิพจักขุญาณก็อธิษฐานเอาตามอัธยาศัย เมื่อซักซ้อมจนมีความคล่องตัวแล้ว ก็เปลี่ยนกองกรรมฐาน มาจับธัมมานุสติแทน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 03:53
|