ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 17-08-2019, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเรามองให้เห็น ดูให้ชัด ภยตูปัฏฐานญาณ ก็คือเครื่องรู้เห็นว่าโลกนี้มีแต่ภัย เป็นของน่ากลัว เป็นของที่น่าจะหลีกหนีไปให้พ้น ดังนั้นเห็นเฉย ๆ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องเห็นแล้วหาทางหลีกหาทางหนี แล้วก็หลีกหนีไปให้พ้น

การที่จะหนีนั้น อันดับแรกก็ต้องมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล มีความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ ไม่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยกาย วาจา หรือใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ท้ายสุดรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายเราไม่ขอมาเกิดในโลกที่เต็มไปด้วยทุกข์ภัยเช่นนี้อีก เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ก็แปลว่าท่านจะต้องพินิจพิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษเห็นภัย เห็นความน่ากลัวของการเกิด เห็นความน่ากลัวของการมีร่างกายนี้ เห็นความน่ากลัวของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่รู้ว่าจะสิ้นชีวิตลงไปหรือว่าบาดเจ็บบอบช้ำเมื่อไร เพราะฉะนั้น..ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเช่นนี้ไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว

ให้ดวงจิตสุดท้ายของเราเกาะพระนิพพานเอาไว้ ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

เมื่อตั้งกำลังใจดังนี้ได้แล้ว ก็ให้รักษากำลังใจของเราเอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านบ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2019 เมื่อ 13:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา