พอมาคุณตาตาย ไม่ได้ร้องไห้ เพราะว่าท่านเหมือนกับหลับไปเฉย ๆ ถึงเวลาท่านก็เรียกหลาน ๆ เข้ามา บอกว่า "ตาก็แก่มาก อายุเลย ๘๐ แล้ว เหมือนกับผลไม้สุกที่พร้อมจะหล่นจากขั้ว ถ้าตาเป็นอะไรไป พวกแกไม่ต้องเสียใจนะ" สั่งความเสร็จแกขอข้าวกิน อาเจ็กข้างบ้านก็กุลีกุจอกลับบ้านไปคดข้าวใส่กับมาให้ แกกินเสร็จก็นอนอยู่บนเก้าอี้โยกของแก แล้วก็หลับไปเฉย ๆ ตายไปตอนไหนก็ไม่มีใครรู้ มารู้เอาตอนที่เห็นว่าค่ำแล้วเดี๋ยวยุงจะกวนมาก ก็ไปเรียกเพื่อจะให้แกกลับเข้ามานอนในบ้าน ปรากฏว่าแข็งไปหมดแล้ว
ลำดับถัดมาก็พ่อตาย ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าดีใจ เพราะว่าอาตมาเป็นคนเฝ้าไข้ ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนอยู่ ๖ ปีเต็ม ๆ ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น เพิ่งจะอายุ ๑๐ ปีนิด ๆ กำลังกินกำลังนอนแล้วโดนเรียกทั้งคืน รู้สึกเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะฉะนั้น...เวลาท่านตายแทนที่จะเสียใจก็เลยกลายเป็นดีใจ แต่ก็ดีใจไม่จริง เพราะว่าเมื่อถึงเวลากลางคืนเข้านอน เตียงก็กว้างเท่าเดิม แต่พอไม่มีพ่ออยู่ ทำไมรู้สึกว่ากว้างอะไรขนาดนั้น เวิ้งว้างไปหมด นอนไม่หลับ ท้ายสุดก็เลยต้องไปนอนอยู่ข้างศพ มุดเข้ามุ้งไป เพราะเขากางมุ้งครอบศพเอาไว้ให้ ไปนอนอยู่ข้างศพ แตะถูกตัวท่านเย็นเจี๊ยบเลย เออ...อย่างนั้นกลับหลับได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2017 เมื่อ 10:18
|