ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-01-2009, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,125
ได้รับอนุโมทนา 4,405,158 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default มันไม่รู้ซะแล้วว่ากูเป็นใคร..!

"มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเพิ่งจะไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีปีแรก กำลังทำการก่อสร้างอยู่ คราวนี้จ้างช่างมาทำห้องกระจกที่ศาลาหลังโบสถ์ ปรากฏว่าช่างรับทั้งค่าของค่าแรงไปหมด แล้วไปนั่งตีไพ่จนเงินหมดเกลี้ยง ก็เลยเบี้ยวไม่มาทำงาน

ตอนนั้นอาตมาเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า "มันไม่รู้ซะแล้วว่ากูเป็นใคร.." สมัยก่อนมีคติประจำใจว่า เราไม่รังแกใครก็นับเป็นบุญของเขา ถ้าใครมารังแกเรา ไอ้นั่นซวยแน่ ๆ นี่สมัยก่อนเป็นคนแรงขนาดนั้น แล้วก็ทำจริง ๆ ด้วย เลยคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเหยียบมันให้ดู..! ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ

พอตอนเช้ามืดยกกำลังใจขึ้นไปกราบพระข้างบน พระองค์ท่านตรัสว่า "บุคคลที่จิตประกอบไปด้วยกุศล เมื่อปฏิสนธิคือเกิดแล้ว ก็เร่งตั้งหน้าตั้งตากอปรกองบุญการกุศล เพื่อส่งตนให้พ้นจากบาปยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตราบจนกระทั่งหลุดพ้น บุคคลที่จิตประกอบด้วยอกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้ว ความมืดบอดของกรรม ก็พาให้เขาทำแต่สิ่งที่ชั่วช้า ซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกที"

แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า "เราก้าวข้ามจุดนี้ไปแล้ว ยังจะย้อนกลับมาอีกหรือ ?" ฟังแล้วความคิดที่จะไปเหยียบเขานี่หายจ้อยไปเลย เท่ากับว่าเราลงนรกด้วยความเต็มใจเอง พระด่านี่เพราะนะ ไม่มีคำหยาบแม้แต่คำเดียว ๑๐ ปีมาแล้วยังจำขึ้นใจเลย"


จากกระโถนข้างธรรมมาสน์ ฉบับที่ ๕๗
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-03-2012 เมื่อ 03:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา