ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 09-04-2010, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ การที่เราจะประกอบความดีนั้น ต้องดูหลักในบุญกิริยาวัตถุ

บุญกิริยาวัตถุ คือ สิ่งที่เรากระทำแล้วเป็นบุญ มีอยู่ ๑๐ อย่างด้วยกัน ได้แก่
๑)ทานมัย การบริจาคให้ทาน

๒)ศีลมัย การรักษาศีลให้บริสุทธิ์

๓)ภาวนามัย การปฏิบัติสมาธิภาวนา จนเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง

๔)อปจายนมัย การอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น เราอาจจะสงสัยว่าการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น เป็นบุญได้อย่างไร ? การที่เราเป็นผู้มีปกติอ่อนน้อมนั้น ผู้ที่พบเห็นก็เกิดความเย็นตา เย็นใจ เกิดความรักใคร่ปรานีต่อเรา เราสร้างความดีเกิดขึ้นในจิตใจของผู้อื่น ผลของการทำความดีส่วนนี้ จึงส่งผลให้แก่เราผู้สร้างความดีนั้น กลายเป็นบุญขึ้นมา

๕)เวยยาวัจจมัย เป็นบุญที่เกิดจากการขวนขวายช่วยให้งานบุญของบุคคลอื่นได้สำเร็จลง อย่างเช่นว่า เขาจะเลี้ยงพระ เราก็ไปช่วยจัดอาหาร จัดสถานที่ ช่วยประเคนของพระ เป็นต้น

๖)ปัตติทานมัย ผลบุญที่เกิดจากการอุทิศส่วนกุศลแก่คนอื่นเขา ปกติสิ่งใดก็ตามที่เราหามาได้โดยยาก จะสละให้แก่ผู้อื่นเขานั้น ต้องใช้กำลังใจที่สูงมาก

ผลบุญที่เราสร้างมาโดยยาก เรายังสละอุทิศให้แก่ผู้อื่นเขาได้ จิตใจที่ประกอบด้วยความสละออกก็ดี ประกอบไปด้วยเมตตากรุณาก็ดี ทำให้บุญส่วนนี้ของเราเพิ่มขึ้นอีกมาก กลายเป็นบุญในปัตติทานมัย คือ การอุทิศส่วนกุศลให้แก่บุคคลที่ต้องการ

๗)ปัตตานุโมทนามัย พลอยยินดีในผลบุญที่คนอื่นเขาทำ เรายังไม่มีโอกาสที่จะได้ทำบุญนั้น ๆ เห็นคนอื่นทำแล้ว เราพลอยมีความยินดีเข้าไปด้วย

ปกติแล้วการที่คนอื่นดีกว่าเรา โดยธรรมชาติของปุถุชน จะเกิดความริษยาขึ้น แต่บุคคลที่สามารถขจัดความริษยาออกจากจิตใจไปได้ พลอยยินดีในความดีของบุคคลอื่น ดวงจิตดวงใจที่ประกอบด้วยความดีขณะนี้ จึงเกิดเป็นบุญกุศลใหญ่ กลายเป็นปัตตานุโมทนามัย คือ บุญที่เกิดจากความยินดีที่คนอื่นเขาทำ

๘)ธัมมัสสวนมัย การฟังธรรมแล้วน้อมนำไปปฏิบัติ

๙)ธัมมเทสนามัย เมื่อปฏิบัติได้ผลอย่างแท้จริงแล้ว ก็นำไปเทศนาสั่งสอนผู้อื่นเขาต่อ การที่พ่อแม่สั่งสอนลูกหลานก็ดี ครูบาอาจารย์สั่งสอนศิษย์ก็ดี หรือพระภิกษุสามเณรสั่งสอนชาวบ้านเขาก็ดี จัดเป็นธรรมเทศนามัยทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นหลักธรรมที่แท้จริง ก็เป็นธัมมเทสนามัยที่แท้จริงกว่า

๑๐)ทิฏฐุชุกัมม์ การมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ คือ เห็นถูกตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านบอกว่า ทานดี ศีลดี ภาวนาดี เราก็ตั้งใจทำตาม เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-04-2010 เมื่อ 17:44
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา