คำถามคือ เรารู้ได้อย่างไรว่าอารมณ์สมาธินั้นเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ? อารมณ์สมาธิขั้นใดที่เราต้องรักษาประคับประคองเอาไว้เฉพาะหน้า ? ก็คือในขณะใดขณะหนึ่งที่ท่านทั้งหลายภาวนาไป พิจารณาไป จนกระทั่งรู้ลมหายใจได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็รู้ลมหายใจเข้าออกได้ ไม่ต้องบังคับก็รู้คำภาวนาไปพร้อมกันได้ ถ้าลักษณะอาการนั้นจัดเป็นปฐมฌานละเอียด มีกำลังเพียงพอที่จะกดกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงได้ชั่วคราว เราก็แค่เอาสติประคับประคอง รู้ลมรู้คำภาวนาเช่นนั้นตลอดระยะเวลาที่ทำงานทำการต่าง ๆ อยู่
ถ้าพังไป หายไป จะทำอย่างไร ? ก็ต้องรีบกลับมาหาลมหายใจเข้าออกของเราใหม่ ถ้าทำหน้าที่การงานอยู่ร่วมกับคนอื่น เราไม่สามารถที่จะวางมือจากงานมาภาวนา อาตมาเคยใช้วิธีเข้าห้องน้ำ ก็คือไปนั่งภาวนาในห้องน้ำแทน คนก็แค่คิดว่าเราเข้าห้องน้ำนานไปหน่อยเท่านั้น พออารมณ์ใจทรงตัวแล้วก็ตั้งสติประคับประคองไว้ ออกมาสู้กับงานต่าง ๆ ใหม่
ถ้าเราสามารถทำเช่นนี้ได้ การรักษาอารมณ์ใจของเราให้ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราวก็เป็นไปได้ และไม่เกินกำลัง เพราะเมื่อสมาธิเราทำงานอัตโนมัติ เราแค่เอาสติไปควบคุม ระมัดระวังไว้อย่าให้สมาธิเคลื่อนคลายออกมา เมื่อเคลื่อนคลายออกมาก็พยายามรีบกลับเข้าไปหาสมาธินั้น ก่อนที่จะโดนกิเลสต่าง ๆ กินใจของเราได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2017 เมื่อ 16:32
|