แทบจะไม่มีใครดูออกเลยว่าหลวงพ่อท่านป่วย เมื่อถึงเวลาท่านก็ลงมาสงเคราะห์ญาติโยมเป็นปกติ ก็ด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ญาติโยมทั้งหลายที่ไปหาท่าน ต้องการหลักธรรมในการนำชีวิตของตนเองให้พ้นจากห้วงทุกข์ หลวงพ่อท่านทราบว่า การพ้นจากความทุกข์นั้นมีความสุขเพียงใด ก็อยากให้ทุกคนได้รับความสุขอย่างนั้นด้วย
ดังนั้น..เราจะเห็นได้ว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็ดี พระมหาเถระในอดีตตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันก็ดี หลวงปู่ หลวงพ่อของเราก็ดี ล้วนแล้วแต่นำเอาธรรมะมาสั่งสอน มาเผยแผ่ให้แก่พวกเรา ก็โดยหวังประโยชน์สุขของเราเท่านั้น แล้วตัวเราทั้งหลายที่สืบสายทายาทธรรม ถ้านับแค่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อวัดท่าซุงมา เราในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์ ได้ใช้ความพากเพียรพยายามในการปฏิบัติธรรมจริง ๆ จัง ๆ สมกับที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เป็นหลานศิษย์หลวงปู่แล้วหรือยัง ?
เราปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านไปในแต่ละวัน ๆ โดยที่ไปฟุ้งซ่านกับ รัก โลภ โกรธ หลง หรือว่าเราเพียรพยายามในการบำเพ็ญภาวนา ประคับประคองรักษากำลังใจของเราให้อยู่ในด้านที่ดี เราถามตัวเองแค่นี้ก็จะเห็นแล้วว่า ที่เราไปกล่าวว่าเราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นหลานศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือแม้กระทั่งปัจจุบันบอกว่าเป็นศิษย์ของพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน เราทำตัวสมกับที่เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์แล้วหรือไม่ ?
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลำบากตรากตรำถึงปานนั้น หลวงปู่หลวงพ่อของเราลำบากตรากตรำถึงปานนั้น เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์พวกเรา เราทำตัวได้สมกับที่ท่านทั้งหลาย ได้ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์หรือไม่ ? ตัวเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในพุทธอาณาจักรนี้ ในเมื่อเรามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจอมทัพธรรม มีพระธรรมเสนาบดี ก็คือ พระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร มีหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายเป็นแม่ทัพนายกอง เราที่เป็นทหารของกองทัพธรรม กล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับกิเลสอย่างจริง ๆ จัง ๆ หรือไม่ ?
ไม่ใช่ปฏิบัติไปหน่อยหนึ่งก็ไม่ไหวแล้ว ถึงเวลากิเลสชวนให้เลิกก็เลิก ก็แปลว่าเราเป็นทหารที่ใช้การไม่ได้ ยังไม่ทันจะประมือกับข้าศึกก็มืออ่อน ยอมแพ้เสียแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:54
|