"ในธัมมจักกัปปวัตนสูตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงเนื้อหาว่า ทเวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา ดูก่อน...ภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุดสองอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่บรรพชิตพึงจะไปซ่องเสพเสวนาด้วย แล้วก็ตรัสยาวไปจนกระทั่งมาลงที่หนทางสายกลาง ก็คือมรรค ๘
เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะฟังจบ ก็บอกว่า ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ ดวงตาแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้น ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งนั้นก็ดับ ประโยคนี้ตั้งแต่ต้นมาจนปลาย พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเลยแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสิ่งที่พระอัญญาโกณฑัญญะสรุปมาจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนา
ก็แปลว่า ถ้าพวกเราฟังธรรมแล้วขาดการสรุปเพื่อจับประเด็นเนื้อหาสำคัญ โอกาสที่เราจะออกทะเลจะมีมาก เพราะว่าหาเป้าไม่เจอ ถ้าเราไปดูในอนุพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าตรัสกับพระมหากัสสปะเมื่อแรกพบว่า ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงเข้าไปตั้งอยู่ในความเกรงใจในภิกษุ ทั้งที่เป็นผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า ดูก่อนกัสสปะ...เมื่อเธอฟังธรรมจงเงี่ยหูฟัง แล้วตั้งใจพิจารณาในเนื้อความ ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงอย่าละสติที่ไปในกาย
ทั้งสามข้อนี้ ในส่วนที่ว่ามาคือข้อที่สอง เมื่อฟังธรรมให้เงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาในเนื้อความนั้น สรุปว่าไปอบรมแล้วถ้าอาตมาไม่สรุปเนื้อหาให้ พระใหม่ก็แทบจะไม่ได้อะไรกันเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2017 เมื่อ 02:57
|