ท้ายสุดก็คืออุเบกขาบารมี สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกินกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกำลังพระวรกาย กำลังคน กำลังทรัพย์ พระองค์ท่านก็ปล่อยวางเป็นอุเบกขาบารมีที่ประกอบไปด้วยเมตตากรุณา มีโอกาสเมื่อไรพร้อมที่จะมาเริ่มต้นใหม่ กระทำใหม่ ช่วยเหลือใหม่ในทันที
ดังนั้น...ในส่วนของบารมีทั้ง ๑๐ ที่เราดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นตัวอย่าง พวกเราเองมีพร้อมสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง..ในแต่ละวันต้องทบทวนอยู่เสมอ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกล่าวกับลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอว่า บารมี ๑๐ ให้เขียนติดหัวเตียงไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพระวัดท่าซุงไม่ได้เขียนติดหัวเตียง แต่เขียนติดข้างฝา บางท่านก็ยังมีคำวิจารณ์วิจัยเล็ก ๆ ต่อยอดไปอีก แตกแขนงไปอีก ว่าตรงนี้ของเราบกพร่องตรงไหน ตรงนั้นของเราบกพร่องตรงไหน
บางทีอาตมาได้เข้าไปในห้องของเพื่อนพระในยุคนั้น พระพี่พระน้องหลายรูปตั้งใจปฏิบัติอย่างน่าชื่นชม ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำมาแล้ว ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ต้องมีบารมี ๑๐ เป็นหลัก ปฏิบัติได้ครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อไรสำเร็จเมื่อนั้นอย่างแน่นอน
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2019 เมื่อ 20:42
|