ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 10-06-2011, 07:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default ติดคุกทางโลกกับติดคุกทางขันธโลก

ติดคุกทางโลกกับติดคุกทางขันธโลก

ที่มาหรือต้นเหตุของพระธรรมเรื่องนี้ เกิดจากเพื่อนของผม ท่านยกเอาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ขึ้นมาใคร่ครวญ (ธัมมวิจยะ) เพื่อให้เกิดปัญญา ปัญญาขั้นต้นก็คือ สุตมยปัญญา หมายความว่า เมื่อได้ฟัง-ได้อ่าน-ได้สนทนาธรรมแล้ว ต้องจำให้ได้ก่อนเป็นประการแรก ขั้นต่อไปให้ยกเอาพระธรรมนั้น ๆ มาใคร่ครวญพิจารณาด้วยปัญญาของตนเอง ตีความหมายของธรรมนั้น ซึ่งยังเป็นสัญญาล้วน ๆ (สัญญาคือ ความจำหรือสุตมยปัญญา) ซี่งไม่เที่ยง เป็นอนิจจาเสมอ บางคนสนทนาธรรมกันหยก ๆ พอเดินจากไปไม่กี่นาทีก็เป็นอนิจจา คือลืมเสียแล้ว บางคนลุกไปแต่ตัวไม่เอาพระธรรมไปด้วย ก็มีไม่น้อย

จริตนิสัยและกรรมของแต่ละคนต่างกันตรงจุดนี้แหละ พระองค์จึงไม่ให้เราประมาทในความตาย ให้หมั่นทบทวนหรือใคร่ครวญธรรมที่ตนจำได้นั้นอยู่เสมอ ๆ ยิ่งทบทวนบ่อย ๆ ก็จะยิ่งเข้าใจในธรรมจุดนั้นได้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ๆ ตามลำดับ จนหลุดพ้นได้ในที่สุด บางท่านที่มีบารมีธรรมสูง สะสมมานาน ฟังคำสอนจึงบรรลุมีดวงตาเห็นธรรม ณ ที่นั้นเอง การบรรลุจริง ๆ จึงเกิดขึ้นได้ในขณะจิตเดียวเท่านั้น แต่ก็ทรงตรัสว่าในปัจจุบันไม่มีแล้ว มีแต่ในสมัยที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่เท่านั้น

เพื่อนผมท่านก็ไม่ประมาท บันทึกคำสอนที่ทรงตรัสไว้ทุกครั้งด้วยความไม่ประมาท เพราะสัญญา (ความจำ) เป็นอนิจจาได้เสมอ และยามว่างก็ยกเอาพระธรรมนั้น ๆ ขึ้นมาใคร่ครวญตามที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น ท่านยกเอาสัทธรรม ๕ (เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย) ล้วนเป็นทุกข์ ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง เห็นทุกข์ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย ทุก ๆ ลมหายใจเข้า-ออกล้วนเป็นทุกข์ พิจารณาจนเห็นโลกทั้งโลกนี้มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2011 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา