เมื่อครู่ที่ได้กล่าวว่า เอาตัวรอดมาได้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของบารมีจริง ๆ ในเรื่องของสัจจบารมี ตั้งใจไว้แล้วว่าในเมื่อต้องบวช ก็อย่าไปยุ่งกับชีวิตของใครเลย อย่าไปเป็นตัวถ่วงเขาเลย ถึงได้ต้องชี้แจงกันให้ชัด ๆ ไปเลย ว่าเป็นได้ทุกตำแหน่ง ยกเว้นอยู่ตำแหน่งเดียวขอเว้นไว้
ดังนั้น..ในเรื่องของบารมี ๑๐ ถ้าบารมีใดบารมีหนึ่งเกิดขึ้น บารมีอีก ๙ อย่างที่เหลือก็จะมาครบ อย่างในเรื่องสัจจบารมี การที่จะมีสัจจบารมีได้ต้องมีปัญญาบารมี เราถึงจะรู้ว่าสัจจบารมีเป็นของดี ในเมื่อมีสัจจบารมีมั่นคง เราก็จะไม่ละเมิดในศีลบารมี บุคคลที่ไม่ละเมิดในศีลบารมี อย่างน้อย ๆ จิตก็ต้องประกอบไปด้วยเมตตาบารมี และโดยเฉพาะเราตั้งใจที่จะงดเว้นเรื่องคู่ ก็เป็นเนกขัมมะบารมีอยู่แล้ว
ลองไล่ไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่า เมื่อบารมีตัวใดตัวหนึ่งเกิดขึ้นมา อีก ๙ ตัวก็ตามมาด้วยทั้งหมด ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการปฏิบัติในด้านของบารมี คิดอยู่อย่างเดียวว่าเราต้องบวช ในเมื่อรู้ว่าจะต้องบวช ถ้าหากว่ามีคู่ ก็อาจจะบวชไม่ได้อย่างที่ต้องการ ต้องไปรับผิดชอบชีวิตเขา สถานการณ์ก็เหมือนกับถึงวาระ เหตุการณ์ช่วยต้อนให้เข้าวัดเอง
ปกติหลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ชวนใครบวช อยู่ ๆ ท่านบอกว่า ท่านต้องการพระบวชแก้บน ๓ องค์ บวชให้ท่านได้ไหม ? ครูบาอาจารย์ที่เรามอบกายถวายชีวิตให้ อยู่ ๆ ถามอย่างนั้น แล้วจะให้ปฏิเสธได้อย่างไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2011 เมื่อ 02:52
|