"มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว ว่าจะอยู่สุขเงียบ ๆ ของตนเอง จึงเริ่มปรับปรุงเกาะพระฤๅษี พวกใบเสร็จรับเงินอะไรต่าง ๆ ที่เก็บเอาไว้เป็นตู้ ๆ เลยเผาทิ้งหมด ไม่อย่างนั้นป่านนี้รวม ๆ กันแล้วคงเป็นคันรถ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนเอาไว้ตั้งแต่สมัยโน้นว่า เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร ใช้ไปในเรื่องอะไร ถ้าเป็นไปได้ให้ลงบัญชีไว้ให้ละเอียด ซื้อข้าวซื้อของอะไร ขอบิลเขามาทุกครั้ง และท่านเองก็ทำเป็นตัวอย่างให้ดู ท่านมีบิลเยอะเป็นตู้ ๆ เลย แยกประเภท แยกพ.ศ. ใส่แฟ้มไว้ เขียนสันแฟ้มไปเลยว่าของปีไหน ท่านบอกว่าเวลาใครเขาตรวจสอบต้องชี้แจงได้
พอมาเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เป็นเจ้าสำนักสงฆ์ ก็ต้องเริ่มส่งรายงานรับจ่ายประจำปี ถึงได้รู้ว่าสำคัญตรงนี้ ถ้าเขาเรียกตรวจสอบต้องมีให้
การตรวจสอบบัญชีวัดเกิดจากกระแสเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สินของวัด สำนักพุทธฯ เลยตูดร้อน ก่อนหน้านี้ไม่เคยขอบัญชีพระดู มาปีนี้ขอแล้ว ถ้าไม่ทำนี่กลัวว่าทางด้านรัฐบาลจะเฉ่งสำนักพุทธฯ เอา แต่ปรากฏว่าวัดท่าขนุนทำส่งเป็นปกติทุกปี แค่ปรับเป็นจากตุลาคม ๒๕๕๗ มาสิ้นสุดที่กันยายน ๒๕๕๘ เท่านั้น เดี๋ยวพอส่งของคณะสงฆ์ตามปกติ ก็เพิ่มพฤศจิกายนกับธันวาคมลงไปก็เสร็จแล้ว
วันนั้นกลับไปถึงวัด ทางด้านพระมหาวริศ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิแจ้งมา ว่าต้องส่งบัญชีรับจ่ายประจำปีให้สำนักพุทธฯ อาตมาถามว่าจะเอาวันนี้เลยไหม ? ท่านหัวเราะ บอกว่า “ผมรู้ครับว่าวัดท่าขนุนทำเอาไว้เรียบร้อยทุกเดือน แต่วัดอื่นไม่มีนี่ครับ ผมจึงต้องเตือนล่วงหน้า” ท้ายสุดก็เลยนัดกันไปส่งในวันสอบนักธรรมชั้นตรี ของวัดท่าขนุนได้สิทธิพิเศษ ทำแค่เดือนละสองบรรทัด รับกับจ่ายแค่นั้นแหละ ของวัดอื่นเขาต้องลงรายละเอียดว่าจ่ายอะไรบ้าง ของวัดเราถ้าลงรายละเอียดเดือนหนึ่งก็ตั้งหลายหน้าแล้ว สำนักพุทธฯ อยากจะอ่านไหม ? ถ้าอยากอ่านจะทำให้
ปีนี้ถึงสิ้นสุดเดือนกันยายนติดลบหลายสิบล้านบาท จะตรวจไหม ? ชี้แจงได้ทุกบรรทัดจริง ๆ ความจริงปีนี้มีกำไรแล้ว แต่เนื่องจากว่าติดลบจากของปีก่อน ๆ ยกมา ก็เลยรวมเข้าไป ไม่อย่างนั้นแล้วปีนี้มีกำไร ไม่ติดลบแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2015 เมื่อ 21:11
|