ดูแบบคำตอบเดียว
  #10  
เก่า 28-04-2022, 19:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โบราณเขาบอกว่า "ผิดเป็นครู" ของพวกเราน่าจะเกินครู ไปอยู่ในระดับศาสตราภิชาน อภิชาน..ผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่ง ศาสตราภิชาน..ผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในความรู้แขนงนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นตำแหน่งพระราชทานจะเรียกว่าศาสตราจารย์..อาจารย์ผู้มีความรู้ ไม่ใช่ศาสดาจารย์ ศาสดาจารย์..อาจารย์ของพระศาสดา..ซึ่งไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เอง..!

ใช้ให้ถูกด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ถ้าเป็นอาจารย์พิเศษก็จะเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์พิเศษ บางมหาวิทยาลัยก็ใช้คำว่าศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือศาสตราภิชาน

เราว่าไปถึงตรงที่ว่า การทำความดีต้องหน้าด้าน แต่อย่าให้ใจด้าน ใจของเราต้องรู้ผิดชอบชั่วดี พร้อมที่จะแสวงหาความดีอยู่เสมอ แต่เราจะไม่มัวไปเสียอกเสียใจกับสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อไป ถ้าทำอย่างนี้ได้ โอกาสก้าวหน้าจะมี ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ก็อีกนาน พอได้ยินว่าอีกนาน ก็ใจหายแว็บ..นานเท่าไรก็ทุกข์เท่านั้น ถึงได้ถามพวกเราว่าเข็ดกันหรือยัง ?

ตราบใดที่ยังไม่เข็ด เราก็ยังไม่เอาจริง สวดมนต์ทุกวัน นั่งกรรมฐานเช้าเย็นนี่ยังไม่เอาจริงอีกหรือ ? ยังไม่เอาจริงหรอก ถ้าคนเอาจริงนี่ ทุกวินาทีเขาจะไม่ให้ใจหลุดจากความดีเฉพาะหน้าเลย แค่สวดมนต์เช้าเย็นนั้นยังห่างไกล นั่งกรรมฐานเช้าชั่วโมง เย็นชั่วโมงแถมเข้าไปด้วย วันหนึ่งได้ ๒ ชั่วโมง แล้วอีก ๒๒ ชั่วโมงเป็นอย่างไร ? ขาดทุนไหม ? ลองนึกถึงว่าเราว่ายทวนน้ำมาวันละ ๒ ชั่วโมง แล้วปล่อยไหลตามน้ำไป ๒๒ ชั่วโมง ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด ก็รู้ว่าขาดทุนอย่างแน่นอน..!

เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมทำเท่าไรแล้วไม่ได้ผลสักที ก็เพราะว่าทำผิดวิธี ถ้าทำดีทำถูก ก็ไปนานแล้ว ไม่มานั่งอยู่นี่หรอก และก็น่าจะไปตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ไปว่าอะไรคนอื่นได้ อาตมาเองสมัยพุทธกาลยังไปดูเขาทำสังคายนาพระไตรปิฎกกันอยู่เลย แต่ก็ยังมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ แสดงว่าไม่แน่จริงพอกันนั่นแหละ..!

ด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเขาสังคายนาพระไตรปิฎกอย่างไร ? ลองย้อนอดีตไปดู ที่แท้ตัวเองก็ไปนั่งอยู่ด้วย ไปอาศัยกิน..! สมัยนั้นเป็นพราหมณ์ซึ่งถือว่าเป็นนักบวช ถึงเวลาเขาถวายอาหารพระสงฆ์ ก็พลอยได้กินไปด้วย ไม่ได้ไปด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ตอนนั้นหยิ่งในความรู้ตัวเอง ว่าตัวเองรู้มาก ในเมื่อรู้มากแล้วทำไมต้องไปฟังคนอื่นด้วย ? ก็เลยพลาดของดีไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา