ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 27-05-2019, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,160 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ใครก็ตามที่ตื่นสาย..ขาดทุนยับเยิน ใครที่ตื่นแล้วไม่มา ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเช้าเดินไปดู เห็นนอนผึ่งพุงอยู่ในศาลา อยู่ในห้องสมุด นอนอยู่หน้าตู้หนังสือ...ปล่อยเขาไป คนเราไม่อยากได้ดี เราก็ไม่ควรที่จะไปบังคับ

สิ่งที่ท่านทั้งหลายควรจะได้จากวัดท่าขนุน อาตมามีเท่าไรก็ให้แค่หมด ไม่เคยปิดบัง แต่ระยะเวลาในการปฏิบัติจะต้องยาวนานพอ เพราะว่าอย่างน้อยต้องวางพื้นฐานใน ๒ วันแรกให้เรามีความเคยชิน วันท้าย ๆ ถึงจะได้เทที่เหลือลงไปได้

คราวนี้ส่วนหนึ่งที่พึงจดจำก็คือว่า การกำหนดภาพพระอย่าเพิ่งเอาความชัดเจน ให้มั่นใจว่ามีพระอยู่กับเราก่อน เห็นหรือไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ภาพพระจะชัดเจนแจ่มใส ก็ต่อเมื่อสมาธิของเราทรงตัวมากขึ้น ความสว่างไม่ต้องไปสนใจว่าสว่างมาก สว่างน้อย ขอให้เรารู้สึกว่าพระสว่างขึ้นก็ใช้ได้

ที่แน่ ๆ คือ อย่าเผลอใช้สายตามอง เพราะว่าถ้าเผลอเมื่อไรทิพจักขุญาณจะใช้ไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงใช้ไม่ได้ ทิพจักขุญาณเป็นการส่งใจออกจากกาย ไปถึงที่ไหนก็เห็นที่นั้น พอเราใช้สายตามอง การนึกถึงตาก็คือนึกถึงตัว ก็คือดึงจิตกลับ ในเมื่อเราไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจะไปเห็นอะไร ?

ท่านใดที่เคยฝึกมโนมยิทธิมา จะเจอกับปัญหานี้ทั้งนั้น ก็คือทำไมภาพมา ๆ หาย ๆ ? แต่ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าหายเพราะอะไร เพราะว่าเราเผลอไปใช้สายตา นึกถึงตาคือนึกถึงตัว นึกถึงตัวคือดึงจิตกลับ แล้วถ้าใช้สายตาเพ่งมาก ๆ
หลังจากเลิกปฏิบัติไปแล้วก็จะปวดหัวมากอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2019 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา