ใครก็ตามที่ตื่นสาย..ขาดทุนยับเยิน ใครที่ตื่นแล้วไม่มา ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเช้าเดินไปดู เห็นนอนผึ่งพุงอยู่ในศาลา อยู่ในห้องสมุด นอนอยู่หน้าตู้หนังสือ...ปล่อยเขาไป คนเราไม่อยากได้ดี เราก็ไม่ควรที่จะไปบังคับ
สิ่งที่ท่านทั้งหลายควรจะได้จากวัดท่าขนุน อาตมามีเท่าไรก็ให้แค่หมด ไม่เคยปิดบัง แต่ระยะเวลาในการปฏิบัติจะต้องยาวนานพอ เพราะว่าอย่างน้อยต้องวางพื้นฐานใน ๒ วันแรกให้เรามีความเคยชิน วันท้าย ๆ ถึงจะได้เทที่เหลือลงไปได้
คราวนี้ส่วนหนึ่งที่พึงจดจำก็คือว่า การกำหนดภาพพระอย่าเพิ่งเอาความชัดเจน ให้มั่นใจว่ามีพระอยู่กับเราก่อน เห็นหรือไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ภาพพระจะชัดเจนแจ่มใส ก็ต่อเมื่อสมาธิของเราทรงตัวมากขึ้น ความสว่างไม่ต้องไปสนใจว่าสว่างมาก สว่างน้อย ขอให้เรารู้สึกว่าพระสว่างขึ้นก็ใช้ได้
ที่แน่ ๆ คือ อย่าเผลอใช้สายตามอง เพราะว่าถ้าเผลอเมื่อไรทิพจักขุญาณจะใช้ไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงใช้ไม่ได้ ทิพจักขุญาณเป็นการส่งใจออกจากกาย ไปถึงที่ไหนก็เห็นที่นั้น พอเราใช้สายตามอง การนึกถึงตาก็คือนึกถึงตัว ก็คือดึงจิตกลับ ในเมื่อเราไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจะไปเห็นอะไร ?
ท่านใดที่เคยฝึกมโนมยิทธิมา จะเจอกับปัญหานี้ทั้งนั้น ก็คือทำไมภาพมา ๆ หาย ๆ ? แต่ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าหายเพราะอะไร เพราะว่าเราเผลอไปใช้สายตา นึกถึงตาคือนึกถึงตัว นึกถึงตัวคือดึงจิตกลับ แล้วถ้าใช้สายตาเพ่งมาก ๆ หลังจากเลิกปฏิบัติไปแล้วก็จะปวดหัวมากอีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2019 เมื่อ 03:49
|