ดูแบบคำตอบเดียว
  #59  
เก่า 19-07-2009, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อบอกว่า "เรื่องแรงอธิษฐานนี่ร้ายแรงมาก เพราะฉะนั้นทำอะไรอย่าให้คนอื่นรู้ว่าเราอธิษฐานอะไร ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวเจอกรณีแบบเดียวกับขุนช้างที่อธิษฐานทับนางพิมพิลาไลย หรือกรณีแบบเดียวกับพระเจ้ากุสราช

พระเจ้ากุสราชในชาตินั้น เป็นชาวบ้านอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ พี่สะใภ้นั้นมีหน้าที่ทำอาหาร เวลาทำอาหารก็ทำไว้ ๓ ส่วน ของน้องชาย ๑ ของสามี ๑ ของตนเอง ๑

วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าบิณฑบาตผ่านมา พี่สะใภ้เห็นก็ดีใจเลยเอาอาหารส่วนของตนเองถวาย แต่ก็ยังไม่พอใจ ตัวเองอยากถวายให้มากกว่านี้ คิดว่าเรากับสามีก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน เดี๋ยวเราทำให้ใหม่ก็ได้ จึงเอาอาหารส่วนของสามีถวายอีก แต่ก็ยังไม่พอ เอาอาหารส่วนของน้องสามีถวายไปด้วย

ปรากฏว่าน้องสามีกลับจากป่า ถามหาอาหารส่วนของตน พี่สะใภ้บอกว่าถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว น้องสามีก็เลยด่าพี่สะใภ้ พี่สะใภ้จึงทำอาหารให้ใหม่ และทำส่วนของตนเองด้วย แล้วก็นำไปใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมกับอธิษฐานว่าเกิดชาติหน้าชาติไหนขออย่าให้ได้เจอน้องผัวแบบนี้ ทำบุญนอกจากจะไม่ยินดีแล้ว ยังด่าอีก

น้องสามีหรือพระเจ้ากุสราชในชาตินั้น เมื่อได้ยินเข้าก็เกิดโทสะ ตัดสินใจว่าไม่กินอาหารส่วนของตนแล้ว ถวายพระดีกว่า จึงเอาอาหารไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานว่า ไม่ว่าเกิดชาติใดต้องได้ผู้หญิงคนนี้เป็นเมีย ก็เลยกลายเป็นว่าแม้จะอยู่บนปราสาทเจ็ดชั้น ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แค่เห็นหน้าเท่านั้น ก็หนีตามกัน

ดังนั้น เรื่องของอธิษฐานบารมีมันอันตรายตรงที่ว่า ถ้าคนที่อธิษฐานทีหลังบารมีเขาสูงพอนี่...เราเสร็จเลย อย่างของพระเจ้ากุสราชตอนหลังท่านก็มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ท่านบารมีพระโพธิสัตว์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-07-2009 เมื่อ 22:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา