ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 04-07-2023, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,414,004 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ญาติโยมจะมีกำลังใจรักษาศีลได้ ต้องมีสมาธิเป็นเครื่องหนุนเสริม ถ้ากำลังสมาธิไม่พอที่จะต่อต้านกิเลส ก็อดไม่ได้ที่จะละเมิดศีล

พวกท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณรนี่ตัวดีเลย..! ใครก็ตามที่สติยังไม่พอ เผลอเมื่อไรก็จะละเมิดศีล ถ้าเป็นแบบนี้ให้เรารู้ตัวไว้ว่า กำลังสมาธิยังไม่พอใช้งาน ต้องเร่งรัดตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะว่าสติจะแหลมคมว่องไวก็ต่อเมื่อสมาธิทรงตัว

หลังจากนั้นท่านบอกว่า ต้องสอนให้ชาวบ้านมีปัญญาด้วย ก็คือมีปัญญารู้คุณค่า ว่าศีลทั้งหลายเหล่านี้ดีอย่างไร อย่างที่ได้ยกตัวอย่างที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ให้โอวาทเอาไว้ ถ้าชาวบ้านเขาเห็นว่าศีล ๕ มีประโยชน์ เขาจะรักษากันเอง

นี่เป็นเรื่องที่พระเถระผู้ใหญ่ท่านเห็นแนวทางอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่พวกเราทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ที่ปัจจุบันนี้ศีลธรรมของเราเสื่อมทรามกันลงไป เพราะว่าสภาพสังคมเปลี่ยนไป สภาพสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้คนไม่มีเวลาที่จะมารักษาศีล ปฏิบัติธรรม ซึ่งความจริงอ้างตรงนี้ก็ไม่ถูก เพราะว่าตราบใดที่เรายังหายใจอยู่ ก็ต้องมีเวลาปฏิบัติธรรรม

เพราะว่าการปฏิบัติธรรม หลัก ๆ ถ้าจะเอาดีกันเลย ก็คือต้องรับรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง กำหนดสติให้อยู่เฉพาะหน้ากับลมหายใจเข้าออก ไม่ไปหวนหาอาลัยอดีต แล้วก็ไม่ไปฟุ้งซ่านกับอนาคต หยุดอยู่กับปัจจุบันนี้เท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2023 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา