ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 19-04-2009, 18:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ได้กล่าวว่า "บุคคลที่กล่าววาจาหยาบคายที่สุดในสมัยพุทธกาล คือ ท่านพราหมณ์ภารทวาชโคตร ท่านด่าบริภาษแม้กระทั่งพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าถามพราหมณ์ภารทวาชโคตรว่า "ท่านจัดของเคี้ยวของบริโภค หรือของดื่มต้อนรับแก่มิตรอำมาตย์ หรือญาติผู้เป็นแขกที่มาเยือนท่านบ้างหรือไม่ ?"

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ทูลตอบว่า "ข้าพระองค์จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับแก่มิตรอำมาตย์ญาติผู้เป็นแขกเหล่านั้นในบางคราว"

พระพุทธเจ้าถามว่า "ถ้ามิตรและอำมาตย์ญาติ ผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับของเคี้ยวของบริโภคแล้วของเหล่านั้นจะเป็นของใคร ?"

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ตอบว่า "ถ้ามิตรและอำมาตย์ญาติผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับของเคี้ยวของบริโภค ของเหล่านั้นก็เป็นของข้าพระองค์อย่างเดิม"

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าว่าเราผู้ไม่ด่า ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธ เราไม่รับการด่าของท่าน เรื่องการด่านั้น ก็เป็นของท่านแต่ผู้เดียว"


ถาม : ตอนแรกนึกว่าพระที่กล่าววาจาหยาบคาย ท่านจะหมายถึงพระอรหันต์รูปหนึ่งที่ติดนิสัยวาสนาเก่ามา
ตอบ : นั่นพระปิลินทวัจฉะ เนื่องจากพระปิลินทวัจฉะ เกิดในครอบครัววรรณะพราหมณ์ถึง ๕๐๐ ชาติ เมื่อกล่าววาจากับคฤหัสถ์หรือพระภิกษุด้วยกันก็พูดว่า "เจ้าถ่อย เจ้าถ่อย" กล่าวด้วยความเคยชินมิได้กล่าวด้วยเจตนาหยาบ

วันหนึ่งพระปิลินทวัจฉะเข้าไปบิณฑบาตที่กรุงราชคฤห์ เจอผู้ชายคนหนึ่งถือดีปลีมาเต็มถาด จึงถามว่า "เจ้าถ่อย ในภาชนะของแกมีอะไร ?" ชายคนนั้นคิดว่าสมณะรูปนี้กล่าวคำหยาบกับเราแต่เช้า เราก็ควรกล่าวคำเหมาะแก่สมณะรูปนี้เหมือนกัน จึงตอบว่า "ในภาชนะของข้ามีขี้หนูสิท่าน" เมื่อพระเถระคล้อยหลังไป ดีปลีกลายเป็นขี้หนูไปหมด เป็นทั้งเกวียนเลย

ผู้ชายคนนี้ก็เลยคิดว่าต้องเป็นเพราะพระเถระรูปนั้นแน่ ๆ ก็เลยเดินทางไปตามหาพระปิลินทวัจฉะ บังเอิญไปพบผู้ชายอีกคนหนึ่งก่อนและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายอีกคนฟัง ชายอีกคนจึงแนะนำให้ถือดีปลีเต็มถาด ไปยืนข้างหน้าพระเถระ พอพระเถระกล่าวว่า "นั่นอะไร เจ้าถ่อย" ก็จงกล่าวว่า "ดีปลีขอรับ"

เมื่อพระเถระกล่าวว่า "จักเป็นอย่างนั้นเจ้าถ่อย" แล้วมันก็จะกลายเป็นดีปลี ชายผู้นั้นก็ได้กระทำอย่างนั้น และขี้หนูก็ได้กลับกลายมาเป็นดีปลีดังเดิม

สำหรับพระปิลินทวัจฉะนี้ ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้เป็นที่รักที่พอใจของเทวดา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-04-2015 เมื่อ 21:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา