"ความจริงทางมหาวิทยาลัยเขาแนะนำว่า “อาจารย์พระครูทำงานไว้เยอะ ส่งประวัติไปขอกิตติมศักดิ์ก็ได้” แต่อาตมารู้สึกว่าดูถูกตัวเองเกินไป ในเมื่อเราเรียนเก่งออกอย่างนี้ เรียนเองก็ได้ เรื่องอะไรต้องไปง้อเขา
เรียนหนังสือตอนอายุมาก ๆ ได้เปรียบ เพราะว่ามีความรับผิดชอบสูง ถ้าตอนวัยรุ่นนี่ไม่ค่อยใส่ใจหรอก ถือว่าเรียนเก่ง อ่านหนังสือบ้างไม่อ่านบ้างก็ทำได้อยู่แล้ว แต่ตอนแก่ ๕๐ กว่านี่ไม่ไหว เพราะสมองไม่ค่อยแล่นแล้ว ของที่เคยอ่านครั้งเดียวจำได้หมด ตอนนี้ต้องอ่านตั้ง ๗-๘ รอบ แต่ที่เมื่อวานสอบจบแล้วผลออกมาดีมาก เพราะว่าคลำวิทยานิพนธ์เล่มนี้มาเป็นปีแล้ว จำได้เกือบทุกบรรทัด เวลาอาจารย์ท่านถามก็บอกได้ว่าอยู่หน้าไหน อาจารย์เปิดหาแล้วประทับใจมาก
ตอนสมัยปริญญาโท คนที่สอบก่อนอาตมาโดนไปเป็นชั่วโมง อาตมาสอบ ๑๕ นาที แล้วอาจารย์ท่านชมว่า “มีการเตรียมพร้อมดีมาก ควรจะเป็นตัวอย่างแก่นิสิตทุกรูป” พอถึงเวลาคนอื่นยับเยินออกมา ท่านก็บอกให้มาดูตัวอย่างที่อาตมา อาตมาก็ยืนยันว่าไม่ได้เรียนเก่ง แต่ว่าไม่กลัวอาจารย์ ก่อนที่จะสอบอาตมาวิ่งหาอาจารย์ ทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและที่สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ให้ช่วยดูและแก้วิทยานิพนธ์มา ๑๘ รอบ เฉพาะต้นฉบับที่ต้องชั่งกิโลขายนี่สูงเกือบท่วมหัว
ปริญญาเอกก็เหมือนกัน ถึงเวลาก็วิ่งหาอาจารย์ วิ่งหาจนกระทั่งสมุดคู่มือนิสิตที่มีช่องให้ท่านอาจารย์เซ็นอยู่ทั้งหมด ๑๐ ช่องด้วยกัน ว่าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเมื่อไร แก้ไขเรื่องอะไร ต้องทิ้งเอาไว้ท้ายสุด ๑ ช่องเพื่อตอนสอบจบ เนื่องจากว่าใช้หมดช่องไปตั้งแต่แรก ๆ แล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2015 เมื่อ 14:03
|