ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 11-01-2024, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,586
ได้ให้อนุโมทนา: 151,727
ได้รับอนุโมทนา 4,411,699 ครั้ง ใน 34,176 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหลายท่านเน้นในสมถกรรมฐานอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า "อันตรายมาก" คำว่าอันตรายมากในที่นี้ก็คือ เมื่อเราทำสมาธิจนเต็มที่แล้ว ถ้าไม่ได้เอาไปใช้พิจารณาวิปัสสนาญาณ ท่านทั้งหลายจะโดนกิเลสขโมยเอากำลังนั้นไปใช้งาน เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ความฟุ้งซ่าน รัก โลภ โกรธ หลงที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายเดือดร้อนมาก เพราะว่าจะฟุ้งซ่านอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการ เนื่องจากได้กำลังจากสมาธิของเราไปใช้ในการฟุ้งซ่านนั้น ๆ

แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติมาในส่วนของวิปัสสนาอย่างเดียว ถ้าหากว่ากำลังไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ที่ขณิกสมาธิ หรือว่าอุปจารสมาธิ ก็คือเข้าถึงสมาธิได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เพียงพอต่อการที่จะเอาไปใช้ในการตัดกิเลส ท่านทั้งหลายก็จะโดน รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำตีอย่างรุนแรงอีกเช่นกัน

ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายรู้สึกว่า "ทำไมการปฏิบัติธรรมถึงได้ยากเย็นเข็ญใจขนาดนี้ ?" "ทำไมเราเป็นคนมีกิเลสมากขนาดนี้ ?" ความจริงแล้วทุกคนมีกิเลสเหมือน ๆ กัน มีกิเลสเท่ากัน เพียงแต่ว่าวิธีในการจัดการกับกิเลสของท่านทั้งหลายต่างกันเท่านั้นเอง ถ้าเรามีความเข้าใจในตรงนี้ เมื่อภาวนาจนกำลังใจมั่นคงแล้ว ก็ยกเอาวิปัสสนาญาณขึ้นมาพิจารณา

ง่ายที่สุดก็คือเห็นความไม่เที่ยงของตัวเรา ว่าเมื่อคลอดออกจากท้องแม่มา ก็เป็นเด็กเล็ก นอนหงายตะกายอากาศ ความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ พลิกคว่ำ หัดคืบ หัดคลาน หัดยืน หัดเดิน หัดวิ่ง พูดไม่ได้ก็เพียรพยายามพูดจนได้ เป็นเด็กเล็ก ค่อย ๆ โตขึ้นเป็นเด็กโต เป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว เป็นหนุ่มสาวเต็มตัว ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน เป็นคนแก่ ท้ายที่สุด เมื่อหมดอายุขัยก็ตายลงไป

ความจริงความตายนั้นมาถึงเราได้ทุกชั่วขณะอายุ แต่ในทีนี้เราว่าไปถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ในเมื่อเราเห็นชัดว่าร่างกายนี้มีอนิจจัง คือความไม่เที่ยงเป็นปกติ ไม่สามารถที่จะทรงอยู่ในระดับใดระดับหนึ่งอย่างมั่นคงตามที่เราต้องการ เราเองยังอยากได้ใคร่ดีในร่างกายนี้อีกหรือไม่ ? เมื่อเห็นชัดว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน เราไม่ต้องการอีกแล้ว ถ้าตัดสินใจลงไปได้เด็ดขาด กำลังสติ สมาธิ และปัญญาเพียงพอ ท่านทั้งหลายก็จะตัดกิเลสในระดับใดระดับหนึ่งลงไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2024 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา