หลักคำสอนของตถาคตมุ่งที่อริยสัจ
หรือกฎของกรรมตัวเดียวกัน
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “เจ้าเห็นหรือยังว่า โลกนี้ทั้งโลกเต็มไปด้วยความทุกข์”
(รับว่า เห็นแล้ว)
๒. “มันเป็นธรรมดาหรือผิดธรรมดา”
(รับว่า เป็นธรรมดา)
๓. “
เมื่อเป็นธรรมดาแล้ว จิตเราจักไปอึดอัดขัดข้องกับมันทำไม ปล่อยให้จิตยอมรับนับถือกฎของธรรมดา มีอารมณ์สบาย ๆ มีการกำหนดรู้ว่า นี่เป็นทุกข์ เป็นอริยสัจ มิใช่ไม่ยอมรู้ว่าเป็นทุกข์”
๔. “ผู้กำหนดรู้จึงจักพ้นทุกข์ไปได้
มิใช่ปล่อยให้ทุกข์มันผ่านไปเฉย ๆ อาศัยความไม่รับรู้ ขาดสติสัมปชัญญะก็ใช้ไม่ได้ ตถาคตเจ้าทั้งหลายสอนสติสัมปชัญญะให้มี ให้เกิดแก่พุทธบริษัททุก ๆ พุทธันดร มิใช่สอนให้ไม่รู้ สอนให้ขาดสติสัมปชัญญะนั้น ย่อมมิใช่หนทางของผู้พ้นทุกข์”
๕. “
เมื่อรู้ทุกข์ ก็ให้พิจารณาทุกข์นั้นตามหลักของอริยสัจ รู้แจ้งเห็นจริงตามนั้นเป็นปกติ แล้ววางทุกข์นั้นลงเสีย อย่าให้เกาะยึดอยู่ในจิต”
๖. “
ทุกอย่างต้องถูกกระทบก่อน จึงจักเป็นของจริงในพุทธศาสนา นักปฏิบัติกรรมฐานจักต้องวัดอารมณ์กันที่ตรงนี้ อย่าให้กิเลสมันหลอกเรา หากอยู่สงบ ๆ โดยไม่ถูกกระทบก็หลงคิดว่าตนเองแน่แล้ว จึงถูกกิเลสหลอกอยู่ตลอดเวลา”
๗. “เพราะฉะนั้น
จงอย่ากลัวอารมณ์กระทบ ให้เอามาเป็นครู พิจารณาให้ลงตัวธรรมดา ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปตามสภาวะของธรรมซึ่งมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ”
๘. “
อย่าไปยึดเกาะความไม่เที่ยง เพราะมันทุกข์อยู่ตามปกติเป็นธรรมดา จงปล่อยวางทุกข์นั้นด้วยกำลังของอริยสัจ ให้พิจารณาวนไปวนมาอยู่อย่างนี้เป็นปกติ มองความไม่เที่ยง มองความสกปรก มองความทุกข์ของร่างกายให้ชัดตามความเป็นจริง เพียรทำให้ได้บารมีก็จักสะสมและเต็มได้ในที่สุด”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com