ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 22-02-2011, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,791 ครั้ง ใน 34,093 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อวาระสำคัญทั้ง ๔ ประการประกอบกันขึ้นมา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพิจารณาย้อนหลังไปว่า เมื่อเหตุการณ์สำคัญอย่างนี้ปรากฏขึ้น พระพุทธเจ้าในอดีตแต่ละพระองค์ทรงกระทำสิ่งใดบ้าง ?

ก็ได้รู้ตลอดไปว่า ในวาระสำคัญเช่นนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตแต่ละพระองค์นั้น จะทรงประทานโอวาทปาติโมกข์แก่พระภิกษุทั้งหมด

คำว่า โอวาทปาติโมกข์นั้น ก็คือ คำสอนที่เป็นหลักใหญ่ของพระพุทธศาสนา ซึ่งเนื้อหาของโอวาทปาติโมกข์นั้น พระองค์ท่านเริ่มต้นว่า ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา แปลว่า ขันติ คือ ความอดทนอดกลั้นนั้น เป็นตบะคือเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่งของนักปราชญ์

แปลว่า การที่เราจะปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญานั้น องค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหมด ผ่านพระภิกษุทั้ง ๑,๒๕๐ รูปว่า บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมนั้น อันดับแรกต้องมีความอดทน ถ้าไม่มีความอดทน เราก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติธรรม ต่อสู้ฟันฝ่ากิเลสให้ประสบความสำเร็จได้

พระองค์ตรัสต่อไปว่า นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็ล้วนแล้วแต่สอนให้บุคคลเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือพระนิพพานด้วยกันทั้งสิ้น

ลำดับต่อไปพระองค์ท่านตรัสว่า นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี บุคคลที่ยังฆ่าผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต คือไม่ใช่นักบวชเลย

สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต บุคคลที่ยังเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ แม้ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจก็ตาม ก็ยังไม่เรียกว่าสมณะ คือถึงต่อให้นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ ก็ไม่นับว่าเป็นนักบวชนั่นเอง

หลังจากที่ได้ประกาศอุดมการณ์ ก็คือเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาไว้ว่า บุคคลเราถ้าหากว่าตั้งใจปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ต้องกระทำให้ถึงพระนิพพาน ด้วยความอดทนอดกลั้น เป็นผู้ที่ไม่ฆ่าผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว

พระองค์ท่านยังประกาศหลักการในพระพุทธศาสนา ต่อไปว่า อะนูปะวาโท เราต้องไม่ว่าร้ายใคร อะนูปะฆาโต เราต้องไม่ทำร้ายใคร ปาติโมกเข จะ สังวะโร ให้สำรวมในศีลของเราไว้

ถ้าหากว่าทุกคนตั้งใจรักษาศีลตามสภาพของตนเอง คือ พระภิกษุสงฆ์ก็รักษาศีล ๒๒๗ ข้อ สามเณรรักษาศีล ๑๐ ข้อ อุบาสกอุบาสิการักษาศีล ๘ ข้อ ญาติโยมที่เป็นพุทธมามกะทั่วไป รักษาศีล ๕ ข้อ

ถ้าพวกเราทำได้อย่างนี้ ก็แปลว่าสังคมจะประกอบไปด้วยความสงบสุขร่มเย็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง พระองค์ท่านจึงสอนว่า เราต้องสำรวมระมัดระวังรักษาศีลของตนเอาไว้ ยอมให้ตัวตายดีกว่าศีลขาด ถ้าใครทำได้ดังนี้ โอกาสที่บรรลุมรรคผลก็จะมีแก่ตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2011 เมื่อ 15:56
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา