ความดีในเบื้องกลางคือการที่เราทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลตามสภาพของตน อย่างเช่น บุคคลทั่วไปก็รักษาศีล ๕ อุบาสกอุบาสิการักษาศีล ๘ สามเณรรักษาศีล ๑๐ พระภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ เป็นต้น เราต้องระมัดระวังรักษาทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ถ้าวางกำลังใจของเราเช่นนี้ได้ เราจะเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยสีลานุสติ จัดว่าเป็นความดีในเบื้องกลาง
ความดีในเบื้องปลายนั้นคือการภาวนา คำว่าภาวนาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงนั่งสมาธิเท่านั้น ภาวนา แปลว่า ทำให้เจริญขึ้น คือสภาพจิตของเรามีการพัฒนาขึ้น เบาบางจากกิเลสมากขึ้น มีความผ่องใสมากขึ้น จนท้ายที่สุด สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ปัญญามาช่วย อย่างเช่น เห็นว่าสภาพร่างกายนี้มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ระหว่างดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ถ้าสภาพจิตยอมรับ ถอนออกจากการยึดเกาะร่างกายนี้ หมายมุ่งหนทางแห่งการพ้นทุกข์คือพระนิพพาน เราก็มีสิทธิ์ที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ก้าวเข้าสู่พระนิพพานได้
การทำความดีในทานนั้น ผลานิสงส์จะส่งผลให้เราเป็นผู้สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติต่าง ๆ การรักษาศีลนั้นจะทำให้เราเป็นผู้มีรูปสวย มีจิตใจเยือกเย็น มีจิตใจที่สงบระงับ การเจริญภาวนานั้นทำให้เราเป็นผู้มีปัญญามาก เกิดปัญหาทางโลกก็มีปัญญาแก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย เกิดปัญหาทางธรรมก็มีปัญญาพิจารณา จนก้าวล่วงปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นไปได้ โดยเฉพาะการก้าวพ้นจากการยึดเกาะร่างกายนี้และโลกนี้ ไปสู่พระนิพพาน
ดังนั้น..การที่ความตายมาถึงเราอยู่ทุกขณะ สิ่งที่เราต้องไม่ประมาทก็คือ ต้องสั่งสมความดีในทาน ในศีล ในภาวนาให้มากเข้าไว้ ถ้าไม่สามารถหลุดพ้นได้ ก็ต้องให้เราไปสู่สุคติที่สบายที่สุดเท่าที่จะพึงเป็นไปได้ แต่ว่าให้เรามุ่งหมายเอาไว้เลยว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำนี้ เราปรารถนาอยู่อย่างเดียว คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน แล้วเอากำลังใจของเราจดจ่อแน่วแน่ อยู่ที่ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานก็ได้ หรือว่าภาวนานึกถึงพระนิพพานเป็นอุปสมานุสติก็ได้ ตามความถนัดของแต่ละคน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:09
|