ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 09-12-2018, 18:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,164 ครั้ง ใน 34,070 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาขอสรุปง่าย ๆ ว่า ถ้าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นก็อย่าได้หวั่นไหว สิ่งที่เขาต้องการคือให้เราหวั่นไหว ให้เรากลัดกลุ้ม ให้เราเครียดอยู่ตรงนั้น จะได้ปฏิบัติต่อไม่ได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย ขอขมาตอนไหน ? ตอนก่อนทำความดี ก่อนสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนเจริญกรรมฐาน

บางคนสมาทานศีลเป็นปกติก็ขอขมาก่อนสมาทานศีล ขอขมาพระรัตนตรัยก่อน ขอขมาในลักษณะที่ว่า ถ้าตัวเราสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราย่อมไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ในเมื่อโดนกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ชักนำให้เราคิด เราพูด เราทำในสิ่งไม่ดีเช่นนั้น เราก็ตั้งใจขอขมา ต่อให้เราไม่ได้คิดเองทำเอง ในเมื่อทำผ่านตัวเราไป เราก็เต็มใจขอขมา กราบขอขมาบ่อย ๆ อย่างน้อยก็เช้าเย็น ถ้าหากมารเขาเห็นว่าไม่สามารถจะก่อกวนให้
เราแกว่งได้ กวนให้ใจเราขุ่นไม่ได้ เขาก็จะเลิกไปเอง

เพียงแต่ว่าระยะแรกต้องสู้กันก่อน ก็คือเราขอขมา ส่วนเขาก็ชวนเราปรามาส อาตมาเจอมาขนาดว่ากำลังกราบขอขมาพระ เขาชวนให้ยกฝ่าเท้าลูบหน้าพระเฉยเลย นี่คือลักษณะที่เขาตั้งใจทำ แต่อาตมาก็หน้าด้านหน้าทน เอ็งทำได้ข้าก็ขอขมาใหม่ จนกระทั่งท้ายสุดแล้วเขาเห็นว่าไม่สามารถที่จะก่อกวนได้ เขาก็เลิกไปเอง

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นปกติเป็นธรรมดา ใครทำแล้วไม่พบไม่เจอ แปลว่ายังไม่ใช่นักปฏิบัติที่แท้จริง ดังนั้น..ขอให้ทุกคนตั้งใจขอขมาพระ และโดยเฉพาะต้องอยู่กับลมหายใจเข้าออก อย่าให้หลุดไป หลุดเมื่อไรสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะแทรกเข้ามาทันที ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2018 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา