ถ้าสามารถรักษาได้ต่อเนื่องยาวนานเท่าไร กำลังใจของเราก็จะสะอาดผ่องใสจากกิเลสได้มากเท่านั้น ถ้าเห็นว่าดอกมะลิที่ลอยลงมา ตอนแรกก็อยู่สูง เลื่อยลอยลงมาอยู่ระดับกลาง ท้ายสุดตกลงไปสู่พาน นี่เป็นความไม่เที่ยงอย่างหนึ่ง แล้วขณะเดียวกัน การที่เราต้องคอยกำหนดจิต กำหนดดู กำหนดรู้ภาพดอกมะลินั้น พร้อมกับกำหนดลมหายใจพร้อมกับคำภาวนา เป็นความยากเป็นความลำบาก นี่คือความทุกข์
และท้ายที่สุดดอกมะลิก็มีการเปลี่ยนแปลง จากสีทองเป็นสีเหลือง จากสีเหลืองเป็นสีขาว จากสีขาวเปลี่ยนเป็นแก้ว หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ ยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ สภาพของพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงชัดเช่นนี้ สภาพตัวเราก็ไม่เที่ยงอย่างชัดเจนเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีสภาพร่างกายที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวตนเช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการที่เดียวคือพระนิพพาน
แล้วรักษาอารมณ์ใจสุดท้ายเกาะพระนิพพานไว้ ถ้าสามารถทำได้ทั้งเช้าทั้งเย็นสักวันละ ๕ นาที ๑๐ นาที ถ้ากำลังใจมั่นคงจริง ๆ ตายเมื่อไรท่านจะเข้าสู่พระนิพพานได้ดังที่ปรารถนา
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 03:01
|