ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-05-2011, 01:01
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,448 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าฟังในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าจะเห็นว่าหลวงปู่ปานบอกว่า "ถ้าหากว่านิมิตเกิดขึ้นให้ละเสีย เอาแต่กองกรรมฐานอย่างเดียว ถ้าไม่ใช่นิมิตในกองกรรมฐานไม่เอา" อยู่ ๆ ปรากฏว่ามีกะโหลกศีรษะลอยมา มีกระดูกลอยมาทีละท่อน ๆ ผ่านไป ๆ พอครบแล้วก็เริ่มต้นลอยมาใหม่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ละทิ้งหมดตามครูบาอาจารย์บอก ไม่ยอมให้ความสนใจ พอไม่สนใจก็ยิ่งมาใหญ่

พอตอนเช้ากำลังจะฉันเช้าหลวงปู่ปานก็ถามว่า "เป็นอย่างไรคุณ..เมื่อคืนนี้ผีหลอกหรือ ?"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ไม่ใช่ครับ กระดูกมันหลอน"

หลวงปู่ปานท่านถามต่อ "แล้วคุณทำอย่างไรล่ะ ?"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอบว่า "ผมก็ช่างมันตามแบบหลวงพ่อสอน"

หลวงปู่ปานท่านว่า "ไอ้นั่นมันช่างเผือกซะแล้ว ไม่ได้ช่างมัน"...(หัวเราะ)... ไอ้ที่ช่างเผือกเพราะว่านั่นเป็นกรรมฐานเก่า เขาเรียกว่า "อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง" เป็นอสุภกรรมฐานกองหนึ่ง
หลวงปู่ปานท่านบอกต่อว่า "ต่อไปถ้าเห็นอย่างนั้น กะโหลกศีรษะลอยมาให้กำหนดใจให้ตกอยู่ตรงหน้า กระดูกคอลอยมาก็ให้ตกอยู่ตรงหน้าต่อ ๆ ๆ กันให้เป็นตัวทั้งตัว แล้วก็พิจารณาต่อไปเลย"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "แหม...เจ็บใจ ...ให้เราละเราก็ละ แต่ที่ไหนได้ไปเจอนิมิตที่ต้องยึด"

คราวนี้ท่านก็เลยเล่นอสุภกรรมฐานกองนั้นจนกระทั่งช่ำใจ พออารมณ์ใจทรงเต็มที่ จิตจะมัวไปนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกับเคลื่อนไปแวบหนึ่ง แล้วปรากฏเป็นแสงไฟขึ้นมาแทน ตอนนี้ท่านรู้แล้ว แสดงว่ากรรมฐานกองเดิมถึงจุดเต็มที่แล้วก็คลายตัวลง กรรมฐานเก่าที่เคยทำได้กองใหม่ที่โผล่ขึ้นมาเป็นเตโชกสิณ ท่านก็จับ เตโชกสิณังต่อไปเลย ท่านบอกว่ายอมโง่ครั้งเดียว ครูบาอาจารย์ท่านบอกให้ละก็ละ ตอนนี้มาเจอที่ต้องยึดก็ยึดละนะ

คราวนี้รู้อยู่ว่าแต่ละอาการของกรรมฐานเป็นอย่างไร ? นิมิตเป็นอย่างไร ? ท่องตำรามาจนช่ำใจแล้วก็จำได้ จำได้ก็ต่อได้ทีเดียวเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูอาจารย์

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2011 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา