ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 19-05-2011, 01:01
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,448 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ต้องยึดตำราไว้บ้างเพื่อใช้เป็นหลัก แต่ไม่ใช่กอดตำราตายไปเลย เพราะสิ่งที่ตำราเขียนไว้เป็นแค่ส่วนหยาบ ๆ สิ่งที่เราพบเองเห็นเองจะเป็นส่วนที่ละเอียด ละเอียดจนถึงระดับที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น "ปัจจัตตัง" ผู้ที่พบเห็น รู้เห็นด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

อย่างเช่นท่านบอกว่า "พออารมณ์ใจเข้าถึงตัวสุข จะสุขเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก" บอกไม่ถูกจริง ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ คนเราโดนไฟราคะ โลภะ โทสะ โมหะ สี่กองเผาอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่กำลังใจก้าวเข้าสู่ความเป็นฌาน ไฟสี่กองจะโดนอำนาจของฌานดับลงไปชั่วคราว คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับไป จะสุขสบายขนาดไหนบอกถูกไหม ? อธิบายเป็นคำพูดได้ไหม ? ไม่ได้หรอก

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไปกอดตำราตายตัว ถ้ากอดตำราตายตัว เราจะไม่เข้าใจอะไรมากไปกว่าตำราที่เขียน ซึ่งเป็นส่วนที่หยาบ เพราะส่วนละเอียดที่พบจริง ๆ จะละเอียดเกินกว่าที่คำพูดและตัวหนังสือจะอธิบายได้

ขณะเดียวกันถ้าเปรียบกับแผนที่ เขาขีดให้ไปทางด้านนี้ เราจะเห็นเส้นตรงขีดจากกรุงเทพฯ ตรงไปปทุมธานี ขึ้นไปอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ไปถึงวัดท่าซุง แต่พอวิ่งไปเข้าจริง ๆ ดูสิ..ไม่ใช่ขีดอย่างที่เห็นแล้ว เดี๋ยวโน่นก็ตึก เดี๋ยวนี่ก็ห้างสรรพสินค้า เดี๋ยวโน่นก็สะพานลอย เยอะแยะไปหมด ตามแต่สภาพที่เราประสบในลักษณะของการปฏิบัติจริง


เพราะฉะนั้น..ตำราจะเป็นแค่แนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น ที่จะให้เรารู้ได้ว่าจะเจออะไรบ้าง พอถึงเวลาแล้วเราก็ต้องจัดการกับสิ่งที่พบเห็นด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอารมณ์การตัดสินใจด้วยตัวเองอันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าทำได้ทำถูกวิธี ต่อไปกรรมฐานทุกกองก็เหมือนกัน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ยังตัดสินใจไม่ถูก ทำไปก็ก้าวหน้ายาก บางครั้งก็ไม่ได้อะไรเลย

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2011 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา