๗๐. ลายมือพิฆาต
“
ระวังให้ดีนะโว้ย...ในเส้นทางพวกมันจะซุ่มคอยเด็ดหัวเอ็ง นอกเส้นทางก็มีแต่กับระเบิด ถ้าพลาดก็ถูกจำหน่ายละนะ...”
สิบเอกหัตถชัย เสือคะนอง ครูฝึกเจ้าของฉายา “
จอมโหด” เตือนอย่างเป็นห่วง...
จรดฝีเท้าลัดเลาะไปตามภูมิประเทศ สายตากราดไปรอบข้างอย่างระมัดระวัง เอ็ม.๑๖ คู่มือกระชับมั่น ประสาททุกส่วนตื่นพร้อม แม้เป็นเพียงการฝึกก็จริงอยู่ แต่มีการผิดพลาดถึงตายอยู่ทุกปี จะทำเป็นเล่นไม่ได้...
“พรึ่บ...!” “ปัง...ปัง – ปัง...ปัง – ปัง...ปัง...!” เพื่อนคู่ชีพคำรามลั่น ส่งหัวตะกั่วเคลือบทองแดงออกไปเป็นชุด ๆ ตามวิธีการยิงที่ฝึกแล้วฝึกอีก จนแทบจะเป็นสัญชาตญาณ เป้าทั้งสามพลิกคว่ำไปในความรกทึบ...! “
ดีมาก...เฮ้ย...! ข้างบน...” ครูฝึกที่คุมหลังมาชมไม่ทันขาดคำ ร่างดำทะมึนพร้อมหลาวไม้ไผ่แหลมเปี๊ยบ พุ่งจากคาคบไม้เข้ามาอย่างกับสายฟ้าแลบ อาตมาตวัดเอ็ม.๑๖ ขึ้น นิ้วกระดิกระรัวชนิดสมองไม่ทันสั่งงาน...! “ปัง...ปัง...ปัง...” นัดแรกพุงกระทิ นัดที่สองยอดอก นัดที่สามเด็ดเอายอดไม้ขาดกระเด็น แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะลากชีวิตของตน กลับคืนมาจากขอบนรก เฮ้อ...เกือบไปแล้วซิเรา...!
ภาพในห้วงนึกพลิกผันไป...ที่ย่างสามขุมเข้ามานั้น ทั้งสามคนอยู่ในชุดพรางลายพร้อย ไม่มีเครื่องหมายยศหรือสังกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ตามแบบฉบับของผู้ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ประกาศกฏอัยการศึก อาตมาเองก็เช่นเดียวกัน... “
ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ...” คำสอนของครูฝึกแว่วมาในห้วงนึก เล่นสามรุมหนึ่งแบบนี้ ปล่อยเขาก่อนเราเละแน่ “
เฮ้ย...!” แผดเสียงข่มขวัญ พร้อมกับพุ่งเข้าหาคนทางขวามือ เจ้านั่นผงะเพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเป้าแรก...
“ผลัวะ...!” ที่ม่อยกระรอกเพราะรับกำปั้นเข้าไปเต็มกราม กลายเป็นคนทางซ้ายสุดที่ถือไม้หน้าสาม เพราะอาตมาแว้งตัวกลับด้วยหมายเอาเป็นเป้าตั้งแต่แรกแล้ว กับคนถืออาวุธครูฝึกสอนนักสอนหนา “
เก็บได้เก็บไว้ก่อน...”
“โพละ...” เท้าขวาเป็นแกนบิดตัวด้วยแรงส่งของหัวไหล่และสะโพก เท้าซ้ายหุ้มไอ้โอ๊บก็พาดเข้าก้านคอเจ้าคนกลางเสียงดังแปลก ๆ ร่างนั้นร่วงเป็นนกปีกหัก...! เท้าซ้ายแตะพื้น เท้าขวาดีดขึ้นตรง ๆ แบบผ่าหมาก...!
“กร๊อบ...” ทั้งเลือดทั้งฟันกระจายว่อน ไม่ต้องกินน้ำพริกไปเป็นเดือนละเอ็งเอ๋ย...อาตมาคิดขณะกระโจนเกาะมอเตอร์ไซค์ ที่พรรคพวกโฉบเข้ามารับ บิดคันเร่งเสียงแสบแก้วหู พาสองเสือเดนตายเผ่นฝุ่นตลบจากที่เกิดเหตุ...!
ภาพถัดไป...กำลังสอนลูกสาวคนโตให้หัดยิงปืน ลูกเสือลูกจระเข้ต้องเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์
สมิธแอนด์เวสสัน เอ็ม.๔๕๐๖ ระเบิดขึ้นเป็นจังหวะจะโคน เป้าหมายคือเป้าหุ่นคนแบบแมนไซส์ทาร์เก็ตทั้งสองตัว... “
นี่มือขวานะลูก...” “ปัง...” หัวเป้าเป็นรูกลวงโบ๋... “
มือซ้ายนะลูก...” “ปัง...” ที่เดียวกันแต่คนละเป้า “
คราวนี้สองมือจ้ะ...” มือซ้ายตะปบซ้อนทับมือขวาด้วยท่าถนัดที่
ครูอี๊ด (ครูฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ) จ้ำจี้จ้ำไชมาหลายปี...
“ปัง...ปัง-ปัง...ปัง...” กลุ่มกระสุนจับเข้ากลางลำตัวเป็นกระจุก ถ้าเป็นคนก็ตายขาดตั้งแต่นัดแรกแล้ว แรกฝึกก็ให้สงสัยอยู่ครามครัน ว่าทำไมเพิ่งจับอาวุธแท้ ๆ แต่มันกลับคุ้นเคยคล่องตัวเหมือนเคยใช้อยู่ประจำ... “
ของเก่าตามมา...”
หลวงพ่อพระราชพรหมยานเมตตาเฉลยให้ทราบ “
อย่างหลวงพ่อเองก็เหมือนกัน ท่านแม่ให้ไปสอยหัวปลี ไม่เคยใช้มีดขอแบบคนอื่นเขาเลย พกมีดไปหลาย ๆ เล่ม ใช้วิธีขว้างตัดขั้วเอา...” “
ความเคยชินที่เป็นทหารมาทุกชาติ จับอาวุธขึ้นมาก็ใช้ได้คล่องตัวเลย อย่างมีดนี่จะขว้างให้ปลายแทง สันฟาด ด้ามตี ได้ทั้งนั้น สำหรับปืนคู่มือแล้ว ระยะ ๒๐๐ เมตร รับรองว่าแสกหน้าทุกนัด...”
ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป
ทิดดร (อุดร โตกระโทก) ส่ง
ตะกรุดโทนของ
หลวงปู่สี (หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ) มาให้ อาตมาผูกติดกับขวดน้ำพลาสติก แขวนไว้กับรั้วเหล็กโปร่ง “
ถ้าพังห้ามโทษกันนะโว้ย...” อาตมาบอกไว้ก่อน... “
เออน่า...ของดีย่อมดีทุกที่ทุกเวลา...” เขาตอบอย่างมั่นใจเต็มที่ มันก็น่ามั่นใจอยู่หรอก เพราะของทุกชิ้นของหลวงปู่สีนั้นเยี่ยมจริง ๆ ขนาดชานหมากเพิ่งคายออกจากปากท่าน ควักปืนจ่อได้เลย แชะเปล่า...แชะเปล่า ไปซะทั้งนั้น...
อาตมาประทับ
เออร์ม่า คาร์ไบน์ ขนาด .๒๒ อย่างมั่นใจเช่นกัน ระยะแค่สิบกว่าเมตร อาตมายิงดับเทียนให้พรรคพวกดูมาแล้ว หลับตาซ้ายเล็งด้วยสายตาขวา ผ่อนลมหายใจออกครึ่งปอด แล้วกลั้นใจลากไกอย่างนุ่มนวล... “เปรี้ยง...!” ในความรู้สึกของอาตมา มันดังกว่าฟ้าผ่าซะอีก ทิดดรยืนตัวแข็ง หน้าซีดเป็นกระดาษชำระ ตะกรุดโทนดอกเบ้อเริ่มหักพับเป็นรูปตัววี ผู้สูญเสียของดีแทบปล่อยโฮด้วยความเสียใจ...! “
ไม่มีอะไรที่หลวงพ่อยิงไม่ออก...” หลวงพ่อเมตตาเล่าในงานแจกพัดยศแก่
พระครูปลัดนิภัทร อคฺคธมฺโม และอาตมาเป็นผู้กั้นร่มถวายหลวงพ่อ “
หลวงพ่อใช้คาถาหรือเปล่าครับ...?” อาตมากราบเรียนถาม...
“
คาถาก็ใช้ ถ้าจะคัดของเขาเพื่อเรายิงออก ให้ว่า “คัจฉะ อะมุมหิ” แต่มีคนประเภทหนึ่ง ของเหนียวแค่ไหนก็ยิงออก คนพวกนี้จะมีลายมือเส้นหนึ่ง ขึ้นจากโคนเส้นสมอง ตัดผ่านเส้นใจ อ้อมเนินอังคารเหมือนรูปเดือนเสี้ยว...” หลวงพ่อแบมือลากนิ้วประกอบให้ดู
“
แล้วเส้นของหลวงพ่อละครับ...?” “
บวชมา ๕๐ – ๖๐ ปี มันหายไปหมดแล้ว...” หลวงพ่อตอบแกมหัวเราะ
อาตมาแบมือตัวเองดูบ้าง...เดือนเสี้ยวขึ้นหราเลย...!
๓๐ กันยายน ๒๕๓๕
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ