ชื่อกระทู้: มีดหมอเพชราวุธ
ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 08-02-2015, 14:33
มะลิแก้ว's Avatar
มะลิแก้ว มะลิแก้ว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2009
ข้อความ: 619
ได้ให้อนุโมทนา: 3,388
ได้รับอนุโมทนา 250,908 ครั้ง ใน 2,870 โพสต์
มะลิแก้ว is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันปลุกเสกมีดหมอเพชราวุธ อาตมาโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านปลุกขึ้นมาตอนเที่ยงคืน ปกติเมื่ออาตมาได้มีดหมอมาก็ต้องเสกทุกวัน อย่างเช่นวันพฤหัสบดีก็เน้นคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ วันศุกร์เน้นเรื่องลาภ วันเสาร์เน้นเรื่องการป้องกัน ฯลฯ ปรากฏวันนั้นเป็นคืนวันอังคาร ท่านปลุกขึ้นมาเที่ยงคืน จัดพิธีกรรม จัดสถานที่ แล้วพระท่านก็เสด็จมา

พระท่านกำหนดครูบาอาจารย์มา ๖ รูปด้วยกัน มี ๑. หลวงปู่รุ่ง วัดหนองสีนวล ถ้าไม่รู้จักหลวงปู่รุ่งก็ให้รู้ว่า ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่เดิม วัดหนองโพ บวชก่อน ๑๑ พรรษา เรียนวิชาทำมีดหมอมาจากหลวงปู่เทศ วัดสระทะเลก่อน ส่วนหลวงปู่เดิมบวชทีหลัง ก็เรียนวิชาจากครูบาอาจารย์ท่านเดียวกัน เพราะฉะนั้น..มีดหมอสายหลวงปู่เดิม วัดหนองโพ จริง ๆ ก็คือสายหลวงปู่เทศ วัดสระทะเล ซึ่งถ้าหากว่าจำไม่ผิด หลวงปู่เทศ วัดสระทะเล เรียนไปจากหลวงปู่ขัน วัดเขาแก้ว แล้วที่ตลกที่สุดก็คือ ตอนหลังหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ต้องไปเรียนคืนมาจากหลวงปู่เดิม วัดหนองโพ วนเป็นงูกินหาง ก็เท่ากับว่าสองท่านนี้ก็เป็นสายของหลวงปู่ขัน วัดเขาแก้ว ๒. หลวงปู่เดิม วัดหนองโพ

๓. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แล้วก็มา ๔. หลวงปู่เก็บ วัดสวนลำใย อาตมาได้ยินชื่อท่านครั้งแรกจริง ๆ หลวงปู่เก็บท่านยืนยันว่า วัดของท่านต้องใช้สระใอ ไม้ม้วน ปรากฏว่า ๒ ท่านนี้ก็เป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน คือจากหลวงปู่ศุข ก็ถ่ายทอดวิชาต่อให้หลวงปู่เก็บ วัดสวนลำใย ๕. หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ๖. หลวงพ่อวัดท่าซุง นี่ก็เป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน รู้สึกว่าท่านจะกำหนดลักษณะเป็นสาย ๆ มา ก็เท่ากับว่ามีดหมอรุ่นนี้รวมครูบาอาจารย์ถึง ๓ สายด้วยกัน"

"ในจุดที่อาตมามึนมากก็คือ ครูบาอาจารย์ทั้ง ๖ ท่าน มีทั้งพระอรหันต์ มีทั้งพรหม มีทั้งเทวดาพระโพธิสัตว์ อาตมานั่งกุมขมับเลย ต้องบอกว่าของท่านประเภทครบถ้วนสมบูรณ์จริง ๆ จะเอาระดับพระอรหันต์ก็มีให้ ระดับพรหมก็มีให้ ระดับเทวดาก็มีให้ ทุกวันนี้มานึกภาพแล้วก็ขำ คนไม่เคยชินจะแยกออกไหมว่าแต่ละท่านเป็นอะไรกันบ้าง ? แล้วความสวยก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกันอยู่

แต่ละท่านก็มาแนะนำวิธีว่า ต้องวางกำลังใจอย่างไร ใช้คาถาบทไหนในการภาวนา แล้ววิธีใช้ตามสายครูบาอาจารย์เป็นอย่างไร บทนี้คาถาสับสนเกินไป ต้องปรับใหม่เรียงใหม่ให้ยุ่งไปหมด สรุปอย่างที่อาตมาลงไว้ในเว็บนั่นแหละ คราวนี้พอทำพิธีเสร็จ พระท่านก็สอนวิธีว่า ให้ทำกำลังใจลักษณะอย่างนี้ ก็คือกวาดกำลังใจไปยังวัตถุมงคลทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ เพราะว่ารออย่างเดียวว่าพระท่านจะสั่งทำอะไรบ้าง ส่วนใหญ่พอบารมีท่านคลุมลงมาครบ วัตถุมงคลสว่างครบถ้วนทุกชิ้นก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

อันนี้ท่านสอนให้กวาดกำลังใจลงไปยังวัตถุมงคล ก็ทำตามที่ท่านว่า ไม่ได้คิดอะไร พอเสร็จพิธีกราบลาพระเสร็จลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่ามีดหมอกระจัดกระจายหมดเลย ต้องมานั่งจัดใหม่เรียงใหม่ เพิ่งเข้าใจว่า อ๋อ...สมัยก่อนที่ครูบาอาจารย์บางท่านพุทธาภิเษกหรือปลุกเสกวัตถุมงคล แล้ววัตถุมงคลดิ้นได้ คือลักษณะอย่างนี้นี่เอง พอเวลาใช้กำลังใจกวาดไป วัตถุมงคลก็ดิ้นได้เลย แต่อาตมาไม่ได้เห็นตอนดิ้นหรอก เพราะตอนนั้นหลับหูหลับตาอยู่ไม่รับรู้ข้างนอก ก็คิดว่าเรากวาดกำลังใจไปตามปกติ ที่ไหนได้..มีดหมอหัวก่ายท้ายเกยเกลื่อนกลาดไปหมด ต้องมาจัดเรียงใหม่

เสียดายอาตมาเป็นคนโลว์เทค ไม่ใช่ไฮเทค ลืมไปว่ารู้อย่างนี้เราตั้งกล้องโทรศัพท์ถ่ายไว้ก็ดี มัวแต่รีบร้อนกลัวจะทำไม่ทันตามที่หลวงพ่อท่านสั่ง เสร็จพิธีลืมตาขึ้นมาเกือบ ๆ ตีหนึ่ง ๔๐ นาทีได้ แปลว่านานทีเดียว แล้วก็เลยนอนไม่หลับ เพราะทรงกำลังใจแน่นไปหน่อย ทำให้ตาค้าง มาง่วงเอาตอนกำลังจะทำงาน ไม่เป็นไร..เดี๋ยววันที่ ๒๔ นี้ท่านก็คงจะย้ำให้อีกทีหนึ่ง"


พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ได้ ยินว่ามีดโต้น้อยขาดตลาด ทั่วประเทศไทยไม่มีเหลือ โดนกว้านเพื่อเอาไปเข้าพิธีวัดท่าขนุนกันหมด เขาคงแปลกใจว่าซื้ออะไรกันนักหนา ถ้าหมดก็ไปอรัญญิกต่อ กวาดให้หมด ถ้าอรัญญิกหมดก็ไปทองแสนขันต่อ ทองแสนขันเขามีพวกเหล็กน้ำพี้เหลืออยู่บ้าง จะน้ำพี้จริงน้ำพี้ปลอมอะไรก็เอาเถอะ เข้าพิธีแล้วก็ใช้ได้เหมือนกัน

แหล่งมีดอีกแหล่งหนึ่งก็ค่ายพระราม ๖ อาตมาไปดูมีดค่ายพระราม ๖ มาก่อนบ้านจ่าตุ่มอีก แต่ปรากฏว่ามีดค่ายพระราม ๖ เขาทำมีดเป็นมีด โลหะอาจจะดีหน่อย การออกแบบอาจจะสวยหน่อย แต่ว่าความเฉียบคมของลวดลายหรือเส้นสายไม่เหมือนของบ้านจ่าตุ่ม ของบ้านจ่าตุ่มที่มีดออกมาสวยมาก เพราะช่างส่วนใหญ่เป็นช่างที่ทำปืนเถื่อนมาก่อน

คราวนี้ทางด้านจ่าตุ่ม ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปกวาดล้างพวกทำปืนเถื่อน กวาดเท่าไรก็กวาดไม่หมด เพราะแถวนั้นมีบึงมีหนองที่ขวางทางเข้าออก เป็นพวกพงอ้อสูงท่วมหัว พอถึงเวลากว่าจะเข้าไปถึง เขารู้ตัวก่อนก็ขนเครื่องมือใส่เป้หนีไปแล้ว เพราะมีเครื่องมือแค่ไม่กี่ชิ้นนี่ มีพวกเลื่อยเหล็ก มีสว่าน มีตะไบอะไรแค่นั้นเอง เขาก็ไปผลิตกันต่อ จนกระทั่งท้ายสุดจ่าตุ่มใช้วิธีไปขอร้องเขาให้เลิกทำ เขาบอกว่าถ้าเลิกทำก็ไม่รู้จะกินอะไร จ่าตุ่มก็เลยต้องมาแนะนำการทำมีด ทำเครื่องมือเครื่องใช้การเกษตรด้วยเหล็กแทน

พวกนี้เวลาเขาทำปืนนี่ถอดแบบฝรั่งมาเลย ถ้าวางเทียบกันกระบอกต่อกระบอก ของไทยสวยกว่าด้วย เพียงแต่ที่ชัดที่สุดก็คือ ลำกล้องของไทยไม่มีเกลียว อาตมาเคยจับปืนเถื่อนสมัยเป็นทหารอยู่หลายกระบอก เจ้านายขอเอาไปใช้ ปรากฏว่าใช้ได้แค่ ๒-๓ อาทิตย์บ่นแล้ว “ไอ้ห่..สนิมขึ้นโว้ย” อ้าว..ก็ของไทยนี่ครับ แล้วลำกล้องก็ไม่มีเกลียว ท่านแก้ปัญหาโดยการเอาไปเปลี่ยนกับลำกล้องปืนฝรั่งในคลัง เข้ากันได้ทุกมิติเลย ประเภทที่เรียกว่ามิลลิเมตรต่อมิลลิเมตร ไม่มีพลาดเลย

กลายเป็นว่าพอพวกนี้ออกมาทำงานเกี่ยวกับมีดและเครื่องมือเครื่องใช้
ฝีมือจึงค่อนข้างประณีตมาก สู้ฝรั่งเขาได้สบาย ไม่ว่าจะสัน จะคม จะร่องมีด จะใบมีด จะออกมาคมชัดเลย"

ถาม : ใช้วิธีกลึงหรือว่าอะไรคะ ?
ตอบ : มีทั้งกลึง มีทั้งไส มีทั้งขุด มีทั้งถาก มีทั้งเจาะ เพราะฉะนั้น..เขาจึงทำได้ทุกอย่าง แค่เปลี่ยนจากโลหะทำปืนมาเป็นทำมีดแค่นั้นเอง ก็เท่ากับว่าสามารถแก้ไขปัญหาปืนเถื่อนที่บ้านอีเติ่งไปได้ เพราะว่าเอาช่างชุดนั้นมาหมด ปัจจุบันช่างชุดนี้ก็เกษียณเกือบหมดแล้ว ที่ตายไปก็หลายคน

สมัยก่อนที่ทำอยู่กับจ่าตุ่มก็จะมีช่างเปี๊ยก ช่างทิน ช่างเดือน ช่างชู ช่างหมี ฯลฯ ตอนนี้ช่างเปี๊ยกก็ไปแล้ว ช่างทินก็ไปแล้ว ช่างเดือนเกษียณตัวเอง ช่างหมีกำลังจะเกษียณตามไปด้วย พวกช่างแขก จ่ามังกร พวกนี้มาทีหลัง พอเห็นมีดจ่าตุ่มติดตลาด ต่างประเทศต้องการมาก ก็ทำตาม แต่คราวนี้ของช่างแขกขายแพงมาก ตั้งใจขายตลาดฝรั่ง

ส่วนใหญ่ฝีมือของช่างจะอยู่ตัวก็ตอนใกล้ ๆ จะเกษียณแล้วทั้งนั้น ตอนนี้บ้านจ่าตุ่มก็จะมี "อาร์ค" ลูกชายคนเล็กรับช่วงต่อ แต่ก็ยังทำมีดเป็นมีดอยู่เลย คือไม่สามารถที่จะผลิตออกมาเป็นงานศิลปะได้ ทางบ้านช่างเปี๊ยกก็มี "ช่างกบ" ช่างกบทำงานมีดหมอเพชราวุธคนเดียวไปเกือบ ๖๐ เล่ม คาดว่าต่อไปถ้าเป็นทรงเปอร์เซียนนี่ช่างกบคงเอาอยู่เลย

ส่วนใหญ่พวกช่างเขาจะเป็นประเภทศิลปิน สมัยก่อนบางทีอาตมาไปรอมีดเล่มหนึ่ง ๒-๓ ปีกว่าจะได้ อย่างเล่มของทิดเก้าที่ แกะเป็นเศียรพญานาค เล่มนั้น ๒ ปีกว่าเกือบ ๓ ปี พอถึงเวลาไปก็เห็นช่างเขาว่าง ๆ ยืนรดน้ำต้นไม้ ลากสายไปลากสายมา รดอยู่นั่นแหละ ถามป้าสุว่า "เมื่อไรเขาจะทำงานสักที ?" ป้าสุบอกว่า "มันไม่มีอารมณ์ มันกำลังสร้างอารมณ์อยู่" ปรากฏว่าพอสัก ๓-๔ โมงเย็นก็มีอารมณ์ทำขึ้นมา คว้าตะไบคว้าเหล็กมาเข้าเครื่องหนีบได้ คราวนี้ก็ใส่ไปเถอะ ๒-๓ ทุ่ม บางทีมืดจนมองไม่เห็นแล้ว ก็ยังทำไปเรื่อยนั่นแหละ เกิดอารมณ์ทำแล้วหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดเดี๋ยวหมดอารมณ์ที่จะทำอีก

เสียดายงานฝีมือรุ่นเก่า ๆ ไม่ว่าจะเรื่องของวัสดุ เรื่องของฝีมืองาน เขาพยายามคัดเลือกที่ประณีตมากที่สุด ช่างเดือนเกษียณตอนทำพระขรรค์โสฬส ทำพระขรรค์อย่างเดียวจนหมดอารมณ์ไปเลย พวกนี้เขาเป็นศิลปินที่ไม่อยากทำงานซ้ำ ต้องปล่อยเขาทำตามอารมณ์ ให้เขาออกแบบไปเรื่อย ๆ จะไม่ซ้ำของเดิม นี่ต้องมาทำของเหมือน ๆ กันทีหนึ่งหลาย ๆ สิบเล่ม จึงหมดอารมณ์ไปเลย

งวดนี้ช่างหมีเจอมีดหมอเพชราวุธ ขอเลิกเหมือนกัน บอกว่าทำแล้วเครียด แต่ละเล่มแกจึงพยายามใส่โน่นใส่นี่ ให้ต่างกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะได้ไม่เครียด ถ้าของช่างกบที่บ้านช่างเปี๊ยกนั่น
จะทำออกมาแบบเดียวกันหมด แต่ของช่างหมีนี่ บางทีวัสดุคั่นคอมีดบ้าง อะไรบ้างจะเปลี่ยนไปเรื่อย เพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าทำงานซ้ำ

อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มะลิแก้ว : 08-02-2015 เมื่อ 17:21
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา