ดังนั้น..ในการปฏิบัติช่วงบ่ายของเรา ซึ่งมีเวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจทุ่มเทกับการปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ การเดินนั้น ระยะที่ ๑ ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ พอ “ซ้าย” ก็คือยกเท้าขึ้น “ย่าง”ก็เคลื่อนเท้าไป “หนอ”ก็วางเท้าลงพอดี ระยะที่ ๒ ความจริงเป็นการขึ้นลงบันได คือ “ยกหนอ” และ “เหยียบหนอ” ในเมื่อเราปรับมาเดินเวลายกก็คือเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าเลย พอหนอก็วางเท้าลงพอดี ระยะที่ ๓ มี “ยกหนอ” “ย่างหนอ” “เหยียบหนอ” ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ายกก็คือยกเท้า ย่างคือเคลื่อนเท้าไป เหยียบคือลดเท้าลง ระยะที่ ๔-๕-๖ ก็อยู่ในขั้นตอนเหล่านี้เพียงแต่เพิ่มรายละเอียดขึ้น เช่นว่า “ยกส้นหนอ” “ถูกหนอ” “กดหนอ” เป็นต้น
ให้สิ่งที่เราบริกรรม คือซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ ให้เป็นไปโดยพร้อมเพรียงกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย พอซ้ายก็คือยกเท้าขึ้น ย่างก็คือเคลื่อนเท้าไป หนอก็คือลดเท้าลง กำลังใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ฟุ้งซ่านไปหาสิ่งต่าง ๆ เมื่อเวลานั่งภาวนาก็พยายามดึงกำลังใจของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกให้ได้ อย่าให้ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์อื่น ๆ ถ้าหากว่าเผลอฟุ้งไปเมื่อไร เมื่อรู้ตัวก็ให้รีบดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจเสียใหม่
ถ้าท่านทั้งหลายทนสู้อย่างนี้ไปแค่ไม่กี่ครั้ง กำลังใจของเราก็ยินดีให้เราควบคุมไว้ได้ แต่ถ้าท่านไม่ได้ทำดังนี้ ปล่อยให้มีระยะเวลาเว้นว่างที่ยาวนาน ในการที่ปล่อยให้กำลังใจไปแสวงหากิเลสต่าง ๆ เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราก็ไม่สามารถจะควบคุมใจของเราได้ ปฏิบัติธรรมเมื่อไรก็จะมีแต่ความทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา เพราะสภาพจิตดิ้นรนไม่ยอมหยุดนิ่ง จึงขอให้ทุกท่านตั้งใจและทุ่มเท เพราะเรามีเวลาปฏิบัติไม่มาก ถ้าคิดแบบนักปฏิบัติก็คือ ไม่รู้ว่าเราจะตายลงไปวันนี้หรือเปล่า ถ้าหากว่าเราตายลงไปวันนี้แล้วลงสู่อบายภูมิ ก็แปลว่าเสียทีที่เกิดมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2015 เมื่อ 03:11
|