วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
อบรมพระที่เกาะพระฤๅษี ๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
ฝนตกทำให้เปิดไฟไม่ค่อยได้ เพราะริ้นจะกินเอา กุฏิใครกุฏิมันรักษากันเอาเอง ถ้าเผลอเปิดไฟข้างในแล้วริ้นเข้าไปได้ ทีนี้คุณก็ไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก ริ้นตัวเล็กแต่กัดเจ็บมาก คันอย่าบอกใครเลย คนที่แพ้เกาแล้วหนังจะขึ้นเป็นสะเก็ด เกากันจนถลอก ดูแล้วน่ากลัวมาก
วันนี้ผมจะต้องขอสัตตาหะ* เพื่อไปทำวัตรพระผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้วก็รับสังฆทานต่อเลย ความจริงอยากจะเดินทางกลับมา อย่างน้อยจะได้อยู่กับพวกเราอีกวันหนึ่ง แต่ว่าสังขารไม่ค่อยอำนวยแล้ว เดินทางไปกลับหลายร้อยกิโลเมตร รู้สึกว่ากรอบไปหมด
ในระยะที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมอยากจะฝากพวกเราเอาไว้หลาย ๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องของการสัตตาหะ**ให้ดูว่าเป็นเหตุจำเป็นที่สมควรจริง ๆ สมัยที่อยู่ที่วัดท่าซุง มีพระอยากจะกลับบ้าน หาเหตุไม่ได้ เขียนจดหมายไปบอกทางบ้านให้ช่วยนิมนต์ที จะได้มีเรื่องกลับบ้านได้
ต้องเขียนจดหมายนะ เพราะว่าสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ แล้วถ้าจะโทรศัพท์ ก็ต้องไปใช้โทรศัพท์ส่วนกลางที่ศาลานวราช*** ก็แปลว่า ถ้าไปโทรศัพท์แบบนั้นคนอื่นเขาจะรู้ จึงใช้วิธีเขียนจดหมายบอกทางบ้าน
ขอยืนยันนะว่า..ถ้าทำอย่างนั้นผมปรับขาดพรรษาเลย ก่อนหน้านี้เราตะลอนไปนั่นไปนี่ไม่เป็นอะไรหรอก ให้ลองสังเกตกำลังใจของเราดูว่า การที่อยู่ประจำที่อย่างนี้ พออยู่กับที่แล้วรักสงบจริงหรือไม่ ? เราหงุดหงิดอยากไปนั่นอยากไปนี่ ใกล้จะคลั่งตายไหม ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นให้รู้เลยว่ากิเลสเป็น ไม่ใช่เราเป็น ปกติเราตระเวนไปนั่นไปนี่ เท่ากับเราหาอาหารเลี้ยงกิเลสไปเรื่อย ๆ เลี้ยงจนอ้วน จนเคยชิน พอถึงเวลาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ กิเลสก็จะอาละวาด แสดงออกซึ่งความหงุดหงิดไปหมด
ขอให้เข้าใจว่าขณะที่กิเลสอาละวาดดิ้นรน แปลว่ากิเลสใกล้จะตายแล้ว ตีซ้ำไปเลย ลองดูซิว่าถ้าไม่ออกไปไหนจริง ๆ แล้วจะตายไหม ? ต้องหัดสังเกตใจตัวเอง ถ้าสังเกตใจตัวเองไม่เป็น เราก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอารมณ์ใจได้
หมายเหตุ :
* พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ : พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ : มหาวรรค ภาค ๑
** ธุระเป็นเหตุให้ภิกษุออกจากวัดในระหว่างพรรษาได้ ๗ วัน ได้แก่ ๑). ไปเพื่อพยาบาลสหธรรมิก หรือ มารดาบิดาผู้เจ็บไข้ ๒). ไปเพื่อระงับสหธรรมิกที่กระสันจะสึก ๓). ไปเพื่อกิจของสงฆ์ เช่น ไปหาทัพพสัมภาระมาซ่อมวิหารที่ชำรุดลงในเวลานั้น ๔).ไปเพื่อบำรุงศรัทธาของทายกซึ่งมานิมนต์เพื่อการบำเพ็ญกุศลของเขา ธุระอื่นที่เป็นกิจจะลักษณะ อนุโลมตามนี้ได้
*** ศาลานวราชบพิตร วัดจันทาราม(ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-12-2011 เมื่อ 17:36
|