ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 27-02-2012, 11:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,126 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๐

อบรมพระที่เกาะพระฤๅษี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๐

จะเอายานัตถุ์ไหม ? พระที่ออกจากวัดท่าซุง*ไม่เจอหมากก็เจอยานัตถุ์ เว้นอยู่หนึ่งรูปคืออาตมา เพราะว่าช่วงที่มาอยู่ที่นี่ไม่นาน ขณะที่เดินทางเข้าไปรับสังฆทานที่กรุงเทพฯ ความเคยชินก็คือว่า ถ้าขึ้นรถแล้วต้องภาวนา เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า ?

ดังนั้น..วิธีที่ดีที่สุดก็คืออยู่กับพระไว้ก่อน ปุบปับเป็นอะไรไป อย่างน้อยเราก็ยึดพระเป็นที่พึ่ง กำลังภาวนาอยู่ เสียงเป่ายานัตถุ์ปื้ดอยู่ข้างหู กลิ่นหอมตลบ ผมอยากน้ำลายยืดเลย ด้วยความตกใจ..กูเสร็จแน่งานนี้..! ก็เลยรีบบอกกับ“หลวงพ่อ”** ท่านว่า “หมากก็ไม่เอา ยานัตถุ์ก็ไม่เอา แว่นตาก็ไม่เอานะครับ..” ท่านถามว่า “แล้วไม้เท้าละจะเอาไหม ?” ตอนนั้นตอบว่าเอาหรือไม่เอาโดนฟาดกบาลแน่ เงียบไว้ก่อนดีกว่า

พอปีนั้น(๒๕๔๘)ไปตัดแว่น เพราะมองหนังสือไม่ถนัดแล้ว เอื้อมสุดแขนเวลาอ่านหนังสือ รำคาญแล้ว เมื่อยมือ อ่าน ๆ วาง ๆ ตัดแว่นเสร็จใส่เข้าไป ท่านหัวเราะ บอกว่า “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ? ทำอย่างกับว่าข้าอยากใส่มันนักนี่..” ในเรื่องแว่นนี่นะ สภาพร่างกายของเรานั้นจำเป็น แต่หมากกับยานัตถุ์นี่บุคลิกเราไม่ให้ คนอื่นเอาไปเถอะ สัญลักษณ์หลวงพ่อ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน อย่างเราไม่เอาเลย

วันนี้ร่างกายไม่ค่อยดี ไม่สบาย เมื่อวานไปให้หมอนวดมา แทนที่จะดีขึ้นกลับไข้จับไปเลย เพราะเจ็บ คำว่าเจ็บนี่อธิบายให้พวกคุณฟังไม่ได้หรอก เพราะถ้าผมเจ็บแล้วพวกคุณเจ็บกว่าเยอะ ถ้าหากว่าใครเคยเห็นหมอนวดผมแล้วจะรู้ นวดเท่าไรก็ไม่มีอิไม่มีแอะเอาเลย เพราะว่าถ้าเราไม่ไปสนใจกับร่างกาย เอาใจอยู่กับการภาวนาหรืออยู่กับพระของเรา จะเป็นการระงับกายสังขารไปในตัว คือ จิตกับประสาทแยกออกจากกัน

ดังนั้น..เจ็บก็เหมือนกับไม่เจ็บ มารู้ตอนที่เลิกแล้ว เดินเป๋ไปเลย ไม่ได้คิดว่าหลวงตาพม่าแกจะอยู่ที่คลิตี้*** ก็เลยใจเย็นออกไปตอนบ่าย ปรากฏว่าพอหลังเพลอาจารย์สมพงษ์****ก็พาท่านไปส่ง

เมื่อหาหมอนวดไม่ได้ แม่ชีก็เลยไปโทรเรียกหมอนวดมืออาชีพมา ถ้านวดแล้วคนไม่ร้องโอ๊ยก็ไม่ใช่มืออาชีพ ส่วนที่บอกว่า ถ้าหากว่าเจ็บ จะเจ็บมากกว่าพวกคุณหลายเท่านี่ เอาไว้ถึงเวลาแล้วก็จะรู้

หลวงพ่อวัดท่าซุง สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีความอดทนเกินมนุษย์ทั่วไป สิ่งที่ท่านป่วยก็คือ ป่วยเป็นมาเลเรีย แต่ท่านไม่รู้ เพราะไม่คิดว่าหลังจากเลิกธุดงค์มาสามสี่สิบปีแล้ว มาเลเรียยังตามมาอีก

หมายเหตุ :
*วัดจันทาราม(ท่าซุง) เลขที่ ๖๐ หมู่ที่ ๑ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ๖๑ - ๐๐๐
**พระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร ป.ธ.๔) วัดจันทาราม(ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ๖๑ - ๐๐๐
***วัดคลิตี้ผลธรรมาราม บ้านทุ่งเสือโทน หมู่ที่ ๔ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ๗๑ - ๑๘๐
****พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต วัดท่าขนุน ๒๓๕ หมู่ที่ ๒ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ๗๑ - ๑๘๐
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2012 เมื่อ 19:24
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา