การที่เราจะฝึกจะหัดในการทรงสมาธิในขณะที่งานอื่นไปด้วยนั้น อย่ารอแต่เพียงการเดินจงกรม ไม่ว่าจะทำการทำงานอะไรก็ตาม ให้เราเอาสติจดจ่ออยู่กับงานเฉพาะหน้า เรื่องอื่นรอบข้างไม่ต้องไปสนใจ จดจ่ออยู่เฉพาะภาพพระ อยู่เฉพาะลมหายใจเข้าออก หรืออยู่กับงานที่ตนเองทำอยู่
การที่เราจะซักซ้อมสมาธิให้ทรงตัวถึงระดับฌานใช้งานนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เราต้องทรงฌานใช้งานได้เป็นปกติ นึกเมื่อไรก็ทรงอารมณ์ใจได้เมื่อนั้น ถ้าเป็นดังนี้เราจึงมีโอกาสที่จะพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง คือ มีโอกาสที่จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้
การปฏิบัติของเรานั้น นอกจากจะปฏิบัติสมาธิแล้ว ยังต้องมีศีลเป็นหลัก ถ้าเรารักษาศีล ทบทวนศีลอยู่ทุกวัน จนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัวแน่วแน่ ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็รู้ว่าศีลจะขาดหรือไม่
ในส่วนของสมาธินั้น อย่างน้อยเราต้องได้ระดับปฐมฌานละเอียด เป็นการทรงปฐมฌานในแบบฌานใช้งาน เพื่อที่จะได้ประกอบหน้าที่ของเราไปพร้อม ๆ กับการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก และคำภาวนาด้วย
และท้ายสุด สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ เราจำเป็นต้องพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงอย่างไร มีความเป็นทุกข์อย่างไร ไม่สามารถยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้อย่างไร ถ้าสามารถพิจารณาอย่างนี้ แล้วถอนความอยากเกิด ถอนความปรารถนาในร่างกาย ถอนความยินดีในโลกนี้เสีย เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นเข้าพระนิพพานได้
สำหรับตอนนี้ขอให้ทุกท่านตั้งใจ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา หรือการพิจารณาตามแต่ความถนัดของแต่ละคน ให้รักษาอารมณ์ให้อยู่กับปัจจุบันเฉพาะหน้า จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๓
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2010 เมื่อ 02:32
|