การปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น จุดที่สำคัญที่สุด ก็คือว่าเราไม่สามารถรักษาอารมณ์ปฏิบัติให้ต่อเนื่องได้ เหตุที่เราไม่สามารถรักษาอารมณ์ปฏิบัติให้ต่อเนื่องได้ เกิดจากสาเหตุสองสามอย่างด้วยกัน
อย่างแรก สติ สมาธิและปัญญายังไม่เพียงพอ จึงปล่อยให้กำลังขาดช่วงลง
อย่างที่สองก็ คือ ยังไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ของการที่จิตไปวุ่นวายกับ รัก โลภ โกรธ หลง อย่างแท้จริง เมื่อไม่เห็นโทษอย่างแท้จริง เราก็จะไม่เข็ดและปล่อยให้ใจหลุดจากสมาธิไปอยู่เรื่อย ๆ
นักปฏิบัติที่จิตเคยเข้าถึงความสงบระดับใดระดับหนึ่งแล้ว เมื่อถึงเวลาจิตมันหลุดจากความสงบนั้นไปฟุ้งซ่านกับความรัก โลภ โกรธ หลง มันจะทำให้เราเดือดร้อนมาก เพราะรักโลภโกรธหลงนั้นเป็นเหมือนกับไฟ
พระพุทธเจ้าเปรียบเอาไว้ว่า ราคัคคิ โทสัคคิ โมหัคคิ ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ เมื่อยังไม่เห็นโทษตรงจุดนี้ว่า จิตของเราเดือดร้อนเพราะไฟเหล่านี้เผาอยู่อย่างไร ก็ไม่พยายามประคองจิตให้หลุดพ้นจากตรงจุดนั้น หรือว่าบางท่านเห็นโทษแล้ว แต่ไม่รู้จะรักษาสมาธิภาวนาอย่างไรให้ทรงตัว
ทุกท่านส่วนใหญ่มีพื้นฐานดีแล้ว ดังนั้นการปฏิบัติส่วนที่เหลือก็คือว่า ทำอย่างไรเมื่อเราปฏิบัติแล้วในขณะที่นั่งสมาธิอยู่จิตมีความสงบระงับอยู่ในระดับใด เมื่อเลิกการปฏิบัติ ให้กำหนดสติจดจ่ออยู่กับกำลังใจที่สงบระงับนั้น อย่าให้เคลื่อนไปได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-01-2011 เมื่อ 11:59
|