ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 17-02-2009, 10:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,988 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม่ว่าจะยืน เดิน นอน นั่ง ดื่ม กิน คิด พูด ทำ อิริยาบถใด ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ สติของเราต้องอยู่กับสมาธิตลอด เป็นการประคองรักษาอารมณ์เอาไว้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

แรก ๆ ก็อาจจะอยู่กับเราได้ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็หลุดหายไป แต่ว่าพอนานเข้า ๆ มันก็จะอยู่ได้มากขึ้นระยะเวลายาวนานขึ้น จากแต่เดิม อาจจะ ๑๐ นาที ๒๐ นาที พอเคลื่อนไหวไปกระทำเรื่องอื่นเข้าสมาธิก็คลายตัว ก็หัดประคับประคองโดยการกำหนดสติจดจ่ออยู่ ไม่ให้สมาธิที่เราได้ในขณะนั่งนั้นเคลื่อนตัวไป พอซ้อมทำบ่อยจนเกิดความชำนาญขึ้น ก็ได้ระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้น ได้เป็นครึ่งชั่วโมง เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง เป็นครึ่งวัน เป็นวัน สามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน สิบวัน สิบห้าวัน เป็นเดือน ท้ายสุดก็หลาย ๆ เดือน หรือเป็นปี

ถ้าเราสามารถประคองจิตของเราไว้ในลักษณะนี้ได้ สภาพจิตจะมีแต่ความผ่องใสโดยส่วนเดียว เพราะว่าตัวสมาธิไม่ได้หลุดเคลื่อนไปไหน กิเลสต่าง ๆ ไม่สามารถจะกินใจเราได้ จิตของเรายิ่งมีความผ่องใสมากเท่าไร ตัวปัญญาก็จะเกิดมากเท่านั้น ในเมื่อตัวปัญญาเกิดก็จะไปคุมศีลและสมาธิให้ทรงตัว ศีลและสมาธิที่ทรงตัวปัญญาก็จะยิ่งเกิดมากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-12-2009 เมื่อ 09:19
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา