ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 03-11-2017, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,144 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกวิธีการหนึ่งก็คือ ภาวนาคาถาตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยให้ไว้ ได้แก่ โสตัตตะภิญญาหรือสัมปะจิตฉามิ สองอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องฝึกกสิณ เพราะเป็นเรื่องของพระ ของพรหม ของเทวดา ท่านจะสงเคราะห์

ถึงเวลาเราภาวนาไป ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ก็จะใช้อำนาจของกสิณได้คล้าย ๆ กับผู้ที่ฝึกกสิณ ๑๐ มา ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องอาศัยความพากเพียรพยายามระยะหนึ่งโดยไม่ท้อถอย เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นได้ สิ่งต่าง ๆ ที่คิดจะฝึกคิดจะทำจึงจะเกิดผลขึ้น เมื่อเกิดผลแล้ว ต้องซักซ้อมให้มีความคล่องตัว นึกอยากจะใช้เมื่อไรก็ต้องใช้ได้ทันที

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาบุคคลของศาสนาอื่นมาจาบจ้วง มาเบียดเบียน ก็ต้องอาศัยอุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมหญิงชายทั้งหลาย ใช้กำลังของอภิญญาสมาบัติเหล่านี้แสดงให้เขาเห็นว่า พุทธศาสนาเป็นของจริง เป็นของแท้ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระภิกษุติดด้วยข้อห้าม ติดด้วยศีลที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะเอาอำนาจของฤทธิ์ของอภิญญาไปแสวงหาชื่อเสียงลาภยศ ทำให้คนยึดติดอยู่แต่ฤทธิ์อภิญญา แล้วไม่มีการอุปถัมภ์อุปัฏฐากพระภิกษุสามเณรที่ไม่ได้มาในสายของอภิญญา ศาสนาของเราก็จะตั้งอยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-11-2017 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา