ถาม : มีคนที่เรารู้จัก เขาคิดถึงเรา เราจะรับรู้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าความคิดต่อความคิดมาชนกันพอดี ก็จะรู้เห็นกันได้ แต่คราวนี้เรื่องของการรู้เห็น เราจะถือเป็นประมาณไม่ได้ เพราะบางอย่างก็ใช่ บางอย่างก็เป็นการทดสอบกัน อาตมาเคยบอกอยู่บ่อย ๆ ว่า เราเห็นเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย เขาจะกระทืบตาย เพราะเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่..!
ถามว่าเราเห็นจริงไหม ? ก็จริง..เห็นเขาไล่ยิงกันมา แล้วเรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง..เพราะเป็นเรื่องในหนังที่เขาแสดงกัน เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของทิพจักขุญาณ ยิ่งชัดเจนมากเท่าไรยิ่งต้องระมัดระวังตัวอย่างสูงมากเท่านั้น เพราะว่าเวลาเขาหลอกเรา เขาจะหลอกได้เนียนมาก เขาจะบอกความจริงถึง ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วเขาหลอกเราเอาไว้นิดเดียว คราวนี้ถ้าเราทบทวนแล้วเห็นว่าถูกมาตลอด เราก็จะไปเชื่อเลย แต่ความจริงตอนท้ายนิดเดียวนั่นแหละผิด
เคยไปอ่านบันทึกของพระที่เขาไปอยู่ปฏิบัติธรรมด้วยแล้วเกิดวิปลาส ต้องเอาเข้าโรงพยาบาล เขาบันทึกว่า “วันนี้พระท่านมาบอกว่า ระยะของมรรคผลมาถึงแล้ว ให้เร่งการปฏิบัติให้มากเข้าไว้ นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ยิ่งทุ่มเทการปฏิบัติมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น” มีผิดไหม ? ผิดตอนท้ายนิดเดียวเอง การปฏิบัติต้องพอเหมาะพอดี ไม่ใช่ยิ่งทุ่มเท่าไรก็ดีเท่านั้น พอบอกให้ทุ่มเท่าไรดีเท่านั้น พระรูปนี้ก็เลยไม่กินไม่นอนอยู่ ๒ เดือนเต็ม ๆ
นั่นถ้าไม่ใช่ทรงฌานได้ แค่อดข้าวอดน้ำก็อดตายแล้ว ท่านเอาแต่เดินจงกรมภาวนาทั้งวันทั้งคืน ไม่กินไม่นอนอยู่ ๒ เดือนเต็ม ๆ ถ้าไม่ได้สมาธิระดับนั้นนี่แย่เลย แต่คราวนี้ร่างกายเรามีขีดจำกัด ท้ายสุดก็ไม่ไหว เกิดอาการที่ว่าสติแตก กรรมฐานแตก ต้องหามเข้าโรงพยาบาลไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2013 เมื่อ 14:32
|