ดูแบบคำตอบเดียว
  #83  
เก่า 21-08-2019, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอมายุคท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็เพิ่มมาให้อีก ๓๐๐ บาท เป็น ๑,๘๐๐ บาท ส่วนอาตมาเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท กินเงินเดือน ๒,๕๐๐ บาท เยอะกว่า ก็เลยต้องเอานิตยภัตพระครูสัญญาบัตร เพราะว่านิตยภัตเจ้าอาวาสน้อยกว่า ๗๐๐ บาท

โยมอย่าไปคิดว่าเยอะนะ ค่ารถเที่ยวหนึ่งก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องทำงานทั้งปี ยังโดนหักไปอีก ๒ เดือน เพราะว่าเดือนแรกหักเงินวัดช่วยวัด เอาเข้ากองทุนไว้ ถ้าวัดไหนเดือดร้อน น้ำท่วม ไฟไหม้ ก็เอาไปช่วยเขา แล้วมาตอนหลังก็หักเข้ากองทุนช่วยชาวพุทธอีก ๑ เดือน ก็คือเก็บเงินเผื่อว่าชาวพุทธเดือดร้อนที่ไหนก็สามารถกู้กองทุนนี้ได้ ไป ๆ มา ๆ เขาเห็นว่าเป็นกองทุนที่ห่วยแตกมาก กลายเป็นพระปล่อยกู้ ก็เลยมีการส่งเงินคืน

คราวนี้ส่งคืนมา ของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิสองแสนกว่าบาท พวกเราก็เลยว่า เงินหลุดมือไปแล้ว เอากลับมาก็เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น..เอาเข้ากองกลางไว้ใช้ในกิจการสงฆ์ดีกว่า เพราะว่าเวลามีงานมีการอะไร เราก็เก็บจากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภออยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เท่ากับว่าพระครูสัญญาบัตร ๒๒ รูปของทองผาภูมิแบกภาระนี้เอาไว้แทนเจ้าอาวาสทั้งหมด แบกไปจนกว่ากองทุนนี้จะหมดลงค่อยมาเก็บแบบเดิมกันใหม่

เสร็จแล้วหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอท่านก็ให้อาตมาเป็นคนถือเงิน เพราะรู้ว่าถ้าเบิกแล้วมีให้แน่ ถ้าให้คนอื่นถือเงินอาจจะหมด ได้ใช้ไปปีกว่าเงินก็หมด ปีนี้มาเริ่มเก็บใหม่ อาตมากำลังตั้งความหวังไว้อย่างหนึ่งว่า จะต้องตั้งกองทุนเพื่อบริหารงานคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ปรากฏว่ามีงานสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีแทรกขึ้นมาพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2019 เมื่อ 21:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา