กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-05-2024, 20:51
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,638
ได้ให้อนุโมทนา: 216,856
ได้รับอนุโมทนา 747,268 ครั้ง ใน 36,400 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-05-2024, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพนำคณะเดินทางไปยังท่าเรือเมืองเล่อซาน เพื่อที่จะไปกราบสักการะหลวงพ่อโตเล่อซานต้าฝอ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นมรดกโลกของประเทศจีนด้วย ผู้ที่ริเริ่มในการแกะสลักก็คือหลวงปู่ไห่ทง ที่วันก่อนมารับคณะของกระผม/อาตมภาพถึงสนามบินนั่นเอง

หลวงปู่ไห่ทงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาจะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต บัดนี้บำเพ็ญบารมีมา มีฉัพพรรณรังสี ๒ สีแล้ว ก็คือสีเหลืองและสีเขียว

เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฏว่าบริเวณปากทางเข้าห้องน้ำสาธารณะ ก่อนที่จะถึงสถานที่ขายตั๋วนั้น มีพวกนำเอาผลไม้พื้นเมืองมาจำหน่าย ก็คือส้มจุกของบ้านเรา ซึ่งมีลูกค่อนข้างจะใหญ่ ภาษาจีนเรียกว่า จวี๋จื่อ ซึ่งไม่ใช่ ต้ากิก ถ้าหากว่า "กิก" นั้นจะเป็นส้มเขียวหวานจีน รสชาตินับว่าอร่อยใช้ได้ทีเดียว เสียอย่างเดียวว่ามาขายอยู่หน้าห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งถ้าหากว่ามีคนใช้มาก ๆ กลิ่นก็ไม่ค่อยจะโสภาสักเท่าไร..!

พวกเราต้องรอคุณไวนำเอาพาสปอร์ตไปซื้อตั๋ว จนกระทั่งได้มาครบถ้วนแล้ว ก็ยังต้องรอให้บุคคลอื่นแซงคิวไป เพื่อที่จะลงให้เต็มลำเรือ โดยที่พวกเราจะขึ้นเรือลำใหม่ เพื่อที่จะได้ลงพร้อมกันทั้งคณะ แม้ว่าจะมีผู้อื่นแทรกมาบ้าง เขาก็จะกลายเป็นคนส่วนน้อยไป

ครั้นลงไปในเรือแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ประจำเรือมอบเสื้อชูชีพให้พวกเราใส่กันทุกคน แต่เป็นเสื้อชูชีพที่ประหลาดมาก เนื่องเพราะว่าดูอย่างไรก็ไม่น่าที่จะช่วยให้ลอยน้ำได้ ซ้ำยังน้ำหนักมาก น่าจะช่วยถ่วงให้จมน้ำเสียมากกว่า แล้วบรรดาอาเฮีย อาเจ้แต่ละคนก็เสียงดังเหลือเกิน ตามแบบฉบับของคนจีน ก็คือพูดจาเปิดเผยโผงผางมาก ทำให้คนที่ไม่เคยชิน คิดว่าตัวเองโดนดุเสียอีก..! ครั้นใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็หามุมถ่ายรูปตามอัธยาศัย ก็คือรูปหมู่ รอจนกระทั่งคนลงมาครบถ้วนแล้ว เขาก็ออกเรือวิ่งทวนน้ำไป

บริเวณที่สร้างหลวงพ่อโตเล่อซานนั้น เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย แม่น้ำหลักคือแม่น้ำชิงอีเจียง ซึ่งมีน้ำค่อนข้างจะใสและสีเขียว อีกสายหนึ่งก็คือแม่น้ำหมิ่นเจียง ซึ่งไหลมาจากทางด้านจิ่วไจ้โกว เมื่อมาถึงทางด้านนี้ ไม่ทราบว่าหลากมาจากที่สูงหรืออย่างไร สายน้ำจึงเป็นคลื่นรุนแรงและขุ่นมาก ทำให้นึกถึง "โขงสีปูนมูลสีคราม" ของบ้านเราขึ้นมาทันที

แต่ที่นี่ยังมีแม่น้ำสายที่สาม คือต้าตู้เหอ ซึ่งไหลมาจากทางด้านอุทยานแห่งชาติย่าติง ที่พวกกระผม/อาตมภาพเคยไปมาแล้ว จึงทำให้กลายเป็นสบแม่น้ำสามสาย ที่ในสมัยโบราณนั้นเมื่อถึงหน้าน้ำหลาก มักจะทำให้เกิดอุทกภัยน้ำท่วม ผู้คนล้มตายกันปีละมาก ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-05-2024, 00:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงปู่ไห่ทงเห็นแล้วเกิดเวทนาสัตว์โลก ตามประสาพระโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมี จึงได้ออกเรี่ยไรเงินทองเพื่อที่จะสร้างหลวงพ่อโตเล่อซานขึ้นมา ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยก็คือ ใช้ข่มภูมิทัศน์บริเวณนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่น่าเชื่อ แม้ว่าการสร้างหลวงพ่อโตเล่อซานของหลวงปู่ไห่ทงไม่ทันจะสำเร็จ ท่านก็มรณภาพเสียก่อน แต่มีผู้มารับช่วงสร้างจนสำเร็จ แล้วตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แม่น้ำสามสายก็ไม่สามารถที่จะแผลงฤทธิ์ได้อีกเลย..!

กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่าเป็นเพราะอะไร ปรากฏว่าในพื้นน้ำนั้น เหมือนอย่างกับมีสัตว์ประหลาดล็อกเนสส์โผล่ขึ้นมา ๗ ตัว ๘ ตัวเต็มไปหมด มาถึงก็รายงานว่า "ผมก็คือสุ่ยเจียวครับ" "ผมคือสุ่ยเกาครับ" กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่าอะไรวะ ? เดี๋ยวนี้เขามี "ตระกูลสุ่ย" หรืออย่างไร ? เพราะว่าท่านเจ้าที่คือท่านสุ่ยหลง ปรากฏว่าท่านสุ่ยหลงโผล่มาบอกว่า "ไอ้สุ่ยเจียวนั่นเป็นงูหม่างครับ งูหม่างเป็นงูประเภทงูเหลือมยักษ์ บำเพ็ญบารมีมาจนกระทั่งกลายเป็นมังกร เขาเรียกว่าเจียว"

"ส่วนไอ้เจ้าสุ่ยเกานั่นเป็นปลาครับ ที่เขาลือกันว่าปลาหลีฮื้อข้ามสามโตรกแยงซีเกียงจะกลายเป็นมังกร ไอ้เจ้าสุ่ยเกาสามารถบำเพ็ญบารมีจนครบ ๑,๐๐๐ ปี จึงกลายร่างเป็นมังกรได้ แต่ว่าเป็นมังกรที่คนจีนเรียกว่า "เกา" ซึ่งจะมีกรงเล็บแค่ ๔ เล็บเท่านั้น ไม่ใช่มังกรแท้อย่างกระผมครับ" แล้วท่านสุ่ยหลงก็ชูมือให้ดูว่าตนเองเป็นมังกรแท้ มี ๕ เล็บ กระผม/อาตมภาพจึงได้ถามต่อไปว่า "แล้วเรื่องที่น้ำท่วมนั้นเกิดอะไรขึ้น ?"

ท่านสุ่ยหลงบอกว่า
"โดยปกติแล้ว เมื่อถึงหน้าน้ำ พวกลูกน้องของผมก็เล่นกันสนุกสนาน เพียงแต่ว่าร่างกายใหญ่โตไปหน่อย คลื่นลมก็เลยทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน ล้มตายกันไปตามกรรมที่ตนเองสร้างมา แต่พอหลวงปู่ไห่ทงสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา พวกผมไม่กล้าที่จะเล่นสนุกต่อหน้าพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คลื่นลมต่าง ๆ ก็เลยลดความรุนแรงลง ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกครับ"

กระผม/อาตมภาพฟังนิทานทั้ง ๆ ที่ "ฝันแบบลืมตาอยู่" ก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือโค้งตาลูเก้ ซึ่งอยู่ที่บริเวณทองผาภูมิขึ้นสังขละบุรี ก่อนหน้านี้โค้งนั้นมีคนล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน ก็คือถ้าหากว่าไม่แหกโค้งลงไป ก็จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอย่างใดอย่างหนึ่งจนได้ แม้ว่าจะสร้างศาลเอาไว้จนกลายเป็นโค้งร้อยศพไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ไขได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-05-2024, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่วันหนึ่งกระผม/อาตมภาพเดินทางขึ้นไป เพื่อที่จะบรรยายที่หน่วยจัดการต้นน้ำซองกาเลีย ขาขึ้นเห็นเขากำลังสร้างศาลอยู่ รุ่งขึ้นบรรยายเสร็จ ช่วงบ่ายเดินทางลงมา ศาลราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว..! มีรถเสยกระจาย แล้วก็มีผู้รู้นำเอาพระพุทธรูปโลหะ หน้าตักประมาณ ๙ นิ้ว ไปตั้งเอาไว้ เพื่อให้ค้ำอยู่กับตรงจุดนั้น

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยมีเหตุให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตอีกเลย เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของพุทธบารมี แต่คนที่ไม่เชื่อ ก็อาจจะบอกว่าเป็นความบังเอิญก็ได้..!

ส่วนหลังจากที่เดินทางกลับมาแล้ว พวกเราก็ไปแวะฉันภัตตาหารเพลกัน แต่ปรากฏว่าทางทัวร์จีนไม่ทราบว่าพระเราควรที่จะแยกโต๊ะออกจากฆราวาส แล้วการแยกโต๊ะนั้น จะจำนวนมากจำนวนน้อย เขาก็จัดกับข้าวมาเต็มเหมือนกัน กระผม/อาตมภาพก็เลยบอกว่า "ไม่ต้องแยกโต๊ะหรอก เอาบรรดาผู้ชายมานั่งคั่นพระเอาไว้ก็แล้วกัน" หลังจากนั้นพวกเราก็ตักภัตตาหารฉันก่อน ที่เหลือก็ยกให้โยมว่ากันไปตามใจชอบ

เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ตรงไปจุดบริการนักท่องเที่ยว ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติเอ๋อเหมย ซึ่งเป็นมรดกโลกอีกที่หนึ่ง วันนี้เราจะขึ้นไปกราบสักการะพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ๑๐ พักตร์ ซึ่งเขาสร้างเอาไว้บนยอดเขาจินติ่ง คำว่า "จินติ่ง" นี้ ถ้าเป็นภาษาแต้จิ๋วที่นิยมกันในเมืองไทยก็คือ "กิมเต้ง" หรือแปลง่าย ๆ ว่าหลังคาทองนั่นเอง

เมื่อถึงเวลาพวกเราซื้อตั๋วแล้ว ก็ต้องอาศัยรถของทางอุทยานเดินทางขึ้นไป โดยที่ต้องรัดเข็มขัดให้ดี เพราะว่ามีโค้งเยอะมากเป็นพิเศษ ทำให้พลขับทั้งหลายจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูงในการขับรถ จึงไม่อยากให้พวกเรานั่งตัวเปล่าเล่าเปลือยกัน

ส่วนเส้นทางนั้น จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรมาก เพราะมีแค่สองโค้งเท่านั้น ก็คือโค้งซ้ายกับโค้งขวา..! ใช้เวลาวิ่งขึ้นไป ๑ ชั่วโมง ๑๘ นาที แล้วก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปเป็นระยะทางกิโลเมตรเศษ ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า กิโลเมตรกว่า ๆ นั้น เป็นทางเดินขึ้นเขา คนที่ไม่เคยชินก็ออกอาการย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ถึงกับขาแพลง ขาลงก็เลยต้องจ้างคานหามหามลงมาแทน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-05-2024, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราไปขึ้นรถกระเช้า เพื่อที่จะขึ้นไปสักการะองค์พระสมันตภัทรโพธิสัตว์บนยอดเขา แต่ว่ารถกระเช้าก็ไม่ได้ส่งจนถึงที่ พวกเรายังต้องเดินต่ออีกระยะหนึ่ง ท่านใดก็ตามที่ไปเที่ยวเมืองจีน ขอให้ทำใจไว้เลยว่า ไม่มีที่ไหนไม่ต้องเดิน และการเดินไม่มากของคนจีนนั้น บางทีก็เกินกำลังของพวกเราอยู่เหมือนกัน..!

แต่ว่าวันนี้เนื่องจากว่าอากาศอยู่ที่ ๑๔ องศาเซลเซียส การเดินก็เลยไม่เหนื่อยมาก แต่ว่ายิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งหนาว ครั้นไปถึงบริเวณลานประดิษฐานพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ อากาศก็ลดลงเหลือแค่ ๑๒ องศาเซลเซียส..! ซ้ำยังลมแรงมาก แทบจะพัดตัวคนปลิวทีเดียว

กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าหนาวจนมือเท้าแข็งไปหมด แต่เป็นที่อัศจรรย์ว่า ด้วยบารมีของหลวงปู่ไห่ทงและท่านสุ่ยหลงที่รับปากดูแลเอาไว้ ต่อให้หนาวขนาดไหน ปรากฏว่าวันนี้ไม่มีอาการมาลาเรียกำเริบแม้แต่นิดเดียว สามารถเข้าไปสักการะสิ่งสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ก็ดี องค์พระศรีศากยมุนีโคดมก็ดี หรือว่าพระพุทธเจ้า ๓ กาล ก็คืออดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็ตาม เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่เขาห้ามถ่ายรูป กระผม/อาตมภาพต้องฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าที่เผลอ กดรูปไปทุกครั้งอยู่เหมือนกัน

แล้วพวกเราเดินลงมาอีกด้านหนึ่ง เพื่อที่จะมาขึ้นกระเช้ากลับ เส้นทางนี้มีคนเอากุญแจไปคล้องเอาไว้ เป็นเครื่องหมายแห่งความรักจำนวนมากมายเต็มไปหมด กระผม/อาตมภาพยังสงสัยว่า ถ้าสิ้นรัก เลิกกันไปแล้ว เขาจะกลับมาปลดกุญแจที่คล้องเอาไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 13-05-2024, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเรากลับขึ้นมาบนรถได้ รู้สึกว่าเหมือนกับรอดตายไปที เนื่องเพราะว่าอาการหนาวจนแข้งขาแข็งไปหมดนั้น แล้วมาคลายตัวลงตอนขึ้นรถนี่เอง ใช้เวลาในการวิ่งลง ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที เหตุที่เกือบใช้เวลาเท่ากับขาขึ้น ทั้ง ๆ ที่เป็นขาลง น่าจะง่ายกว่า ก็เพราะว่าหนทางลาดชันมาก ทางโชเฟอร์ไม่กล้าที่จะใช้ความเร็วเต็มที่ เนื่องเพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้

พวกเราลงมาถึงข้างล่าง ส่วนหนึ่งก็เข้าห้องน้ำ อีกส่วนหนึ่งก็ไปต่อรองซื้อหาสิ่งของ โดยเฉพาะส้มและลูกโลค็อต หรือที่พวกเราคนจีนเรียกกันว่า ผีผาจื่อ, ปี่แป้จื้อ ขนเอาขึ้นรถมา แล้วทางเอ็นซีทัวร์ โดยน้องการ์ตูน (นางสาวศรันย์พร บุรินทรโกษฐ์) ก็แจกบะหมี่สำเร็จรูป ให้แก่บุคคลที่กินข้าวเย็น เพราะว่าวันนี้เราต้องวิ่งไปจนถึงที่พักเมืองตูเจียงเอี้ยน ซึ่งห่างไปเป็นระยะทางประมาณ ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที

กระผม/อาตมภาพรอจนกระทั่งเขามาพักรถ ที่จุดพักรถแห่งหนึ่ง ซึ่งทันสมัยมาก ๆ โดยขอเวลาพักรถ ๒๐ นาที จึงฉวยโอกาสในการพักรถนี้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้เอาไว้ก่อน แม้ว่าจะมีเสียงรบกวนบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฟังอะไรกันเลย เนื่องเพราะว่ากว่าที่จะถึงที่พักคืนนี้ ก็ไม่หนี ๓ ทุ่มของเมืองจีน ท่านทั้งหลายที่นอนหัวค่ำ ก็อาจจะหลับไปเสียก่อนที่จะได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้

ส่วนพรุ่งนี้จะมีอะไรบ้างนั้น ถ้าหากว่ายังอยู่รอดปลอดภัย ก็จะนำมาเล่าถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมกันต่อไป

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว