กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-08-2013, 12:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,553 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกท่านนั่งในท่าที่สบายของตน กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าจะกำหนดฐานก็ให้กำหนดกระทบ ๓ ฐาน รู้สึกว่าจะพอดี ไม่เหนื่อยจนเกินไป คือหายใจเข้ารู้สึกว่าลมหายใจผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

หรือบางท่านฝึกมาไม่นาน ยังไม่สามารถที่จะจับลมได้ครบ ๓ ฐาน ก็เลือกเอาฐานใดฐานหนึ่งที่เรามีความรู้สึกชัดเจนที่สุด จะเป็นที่ปลายจมูกก็ได้ กึ่งกลางอกก็ได้ ที่ท้องก็ได้ ให้ความรู้สึกกระทบจุดนั้นให้ชัดเจนแล้วก็จดจ่ออยู่ตรงนั้น ถ้าคิดเรื่องอื่นเมื่อไรก็ให้ดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกและฐานการกระทบของลมนั้น

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของต้นเดือนกรกฎาคมของเรา ระยะประมาณ ๑ เดือนที่ผ่านมามีข่าวคราวใหญ่ในวงการสงฆ์หลายเรื่องด้วยกัน แต่ที่เป็นที่โจษขานกันอยู่ก็เช่น การสึกของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก และการมีความประพฤติที่ไม่ถูกต้องตามธรรม ตามวินัยของหลวงปู่เณรคำ ฉตฺติโก เป็นต้น

ประจวบกับเมื่อครู่นี้มีญาติโยมบางท่านฝากคำถามเอาไว้ว่าในการปฏิบัติของเรานั้น เทวดา มาร หรือพรหม สามารถจะส่งกำลังเข้ามาเสริมทำให้เราเข้าใจผิด คิดว่าเป็นความสามารถของเราเองหรือไม่ ? ซึ่งอาตมาขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว เคยพบเห็นมาด้วยตัวเองแล้ว

การฝึกปฏิบัติบางทีไปถึงจุด ๆ หนึ่ง เรื่องของฌาน เรื่องของสมาบัติที่เคยอยากได้มานาน อยู่ ๆ ปุบปับก็ไหลมาเทมา กลายเป็นว่าจะเรียกลมเรียกฝนอย่างไรก็ได้ ถ้าเป็นลักษณะนั้นขอให้ระมัดระวังไว้ให้ดีว่า อาจจะเป็นกำลังจากภายนอกช่วยเหลือเข้ามา เพื่อให้เรามีความสามารถพอที่จะกระทำอย่างนั้น ๆ ได้ แต่พอกระทำไปแล้ว จะทำให้เราหลงตัวเองว่า นั่นเป็นความสามารถของเรา แล้วก็ไปยึดติดอยู่กับเรื่องฤทธิ์เรื่องเดชนั้น ๆ โดยที่ลืมเป้าหมายคือมรรคผลของเราไป ถ้าเป็นดังนี้ก็ขอให้ทราบว่า เป็นการทดสอบจากบรรดามารต่าง ๆ โดยเฉพาะตัวนี้เขาเรียกว่า อภิสังขารมาร คือมารที่เป็นอารมณ์การปฏิบัติที่เหนือกว่าการปรุงแต่งทั่ว ๆ ไป

ซึ่งการปฏิบัติของเราถ้ามีสติสัมปชัญญะอยู่ เราก็จะได้กำหนดรู้ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริงของเรา เป็นเพียงเครื่องอาศัย เป็นเพียงบันไดผ่านทาง ที่จะให้เราก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ต่อให้เรามีความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่เกินกว่าที่ครูบาอาจารย์ท่านทำได้ ไม่เกินกว่าที่พระอรหันต์ทั้งหลายทำได้ ไม่เกินกว่าที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทำได้ ไม่เกินกว่าที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำได้ และบุคคลที่เลิศที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี ตลอดจนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี ล้วนแล้วแต่ตายลับดับจากสังขาร เข้าสู่พระนิพพานไปหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2013 เมื่อ 14:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-08-2013, 20:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,553 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เรื่องของฤทธิ์ เรื่องของอภิญญาต่าง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรจะยึดถือมั่นหมาย การชำระกิเลสให้หมดไปจากใจของเราต่างหาก จึงเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้หนุนเสริมอยู่ เราก็ฉวยโอกาสใช้เป็นบันไดในการก้าวล่วงพ้นจากกิเลสไปเลย

ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถอนกำลังกลับ เรากลับมากลายเป็นบุคคลที่ไม่เอาไหนเหมือนเดิม ก็ไม่ต้องเสียดาย แต่ให้เกิดความรู้สึกว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วทำได้ ปฏิบัติได้จริง ถ้าเรามีความเพียรพยายาม เราก็จะสามารถทำได้ถึงระดับนั้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยบุคคลอื่นเขา แล้วเราก็ใช้กำลังนั้นช่วยเหลือในการก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า ในการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้ายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระสกิทาคามีตอนปลาย หรือความเป็นพระอนาคามีแล้วไซร้ การที่จะมีคู่ครองนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องของคนเราที่เกิดมานั้น ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามถ้าได้เกิดมาพบกัน องค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสเอาไว้ว่า ก่อนนั้นต้องเคยมีความสัมพันธ์กันมา ไม่ฐานะใดก็ฐานะหนึ่ง อาจจะเกิดเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลูกหลาน ญาติโยมก็ดี เป็นสามีภรรยา ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงที่รักใคร่กันก็ดี แรงกรรมทั้งหลายเหล่านี้เมื่อชักจูงไป ถึงวาระหนึ่งก็จะวนเวียนกลับมาแล้วได้เจอกันอีก

ดังนั้น..ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราปฏิบัติเพื่อหวังความหลุดพ้น ชีวิตคู่ทำให้หลุดพ้นได้ยาก เพราะมีสิ่งที่เกาะเกี่ยวมาก ถ้าเราตั้งเป้า ตั้งปณิธานเอาไว้ หวังความหลุดพ้นอย่างแท้จริง ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แต่บางท่านเมื่อพบกัน เจอกัน ความรู้สึกเก่า ๆ กลับคืนมา ฝ่ายหนึ่งเสนอ ฝ่ายหนึ่งก็ไปสนองยอมรับว่าใช่ เป็นอย่างนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะทำให้แรงกรรมเกิดขึ้น และรวบรัดอย่างเร็วมาก ก็จะทำให้แม้กระทั่งอยู่ในผ้าเหลืองก็ต้องสึกหาลาเพศไปอย่างที่เห็น ๆ กันอยู่

แต่ถ้าเป็นชีวิตฆราวาส แทนที่จะดำเนินในทางของคน ๆ เดียว เพื่อที่จะได้ก้าวล่วงจากกองทุกข์ได้ง่าย เราก็จะไปดำเนินชีวิตของคนคู่ ซึ่งจะมีแต่การเพิ่มทุกข์ให้แก่ตัวเองมากขึ้น ๆ และในที่สุดอาจจะร้อยรัดเราจมอยู่กับห้วงวัฏสงสาร ไม่มีวันที่จะได้ก้าวล่วงไปอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2013 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-08-2013, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,553 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราสามารถนำมาเป็นบทเรียนในการปฏิบัติของพวกเราได้ เรื่องของฤทธิ์ เรื่องของอภิญญา อาตมาขอใช้คำว่าเป็นของแถมในการปฏิบัติ ถ้ากำลังใจสงบถึงที่สุดจริง ๆ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่อให้ไม่ฝึกก็เกิดขึ้นได้ เพราะฤทธิ์ในอภิญญาเป็นเพียงวิกุพนาฤทธิ์เท่านั้น ฤทธิ์ที่เกิดจากการอธิษฐาน ฤทธิ์ที่เกิดจากฌานสมาบัติ ฤทธิ์ที่เกิดจากการสั่งสมคุณความดียังมีอยู่มากมาย ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้ากำลังใจรวบรัดตัดตรงแล้ว ตั้งใจจะให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกปรือ เป็นของแถมที่มากับนักปฏิบัติที่ทำถึงอย่างแท้จริง

ส่วนในเรื่องของการครองคู่นั้น กำลังใจเราต้องแน่วแน่และมั่นคง เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสัญชาตญาณ เพื่อร้อยรัดให้สัตว์ทั้งหลายติดอยู่ในห้วงวัฏสงสาร ถือว่าเป็นบ่วงมารอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ เราก็ต้องเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ชาติแล้วชาติเล่า หาที่สิ้นสุดไม่ได้ ดังนั้น..ควรจะมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ มีกำลังของสมาธิที่มั่นคง และท้ายที่สุดมีกำลังของปัญญาที่เห็นชัดว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้รังแต่จะเพิ่มทุกข์ในชีวิตให้แก่เราเท่านั้น ถ้าเราสามารถก้าวล่วงไปได้ก็จะเป็นการก้าวพ้นไปอย่างสง่างาม และสุดแสนที่จะคุ้มค่าที่สุด ความสุขที่ได้รับการจากพ้นจากกองทุกข์นั้น เหนือความสุขในโลกียสุขมากมายจนประมาณเท่าไม่ได้

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2013 เมื่อ 12:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-02-2014, 18:06
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 261
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,689 ครั้ง ใน 1,293 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2556-07-07

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
สุธรรม (23-02-2014)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว