#1
|
||||
|
||||
เทศน์วันวิสาขบูชา วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
เทศน์วันวิสาขบูชา วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เชิญรับชมได้ที่ https://youtu.be/Cn7yEd31Ayc นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท ติ ณ บัดนี้อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนามาในวิสาขบูชากถา เพื่อเป็นเครื่องประดับปัญญาบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศี แก่ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งที่มาบำเพ็ญกุศลอยู่ ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้ หรือว่าท่านทั้งหลายที่ติดตามการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้านก็ตาม วันนี้ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ซึ่งปีนี้เป็นปีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน จึงทำให้วันวิสาขบูชาเลื่อนมาเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 29-05-2021 เมื่อ 00:49 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย อันว่าวันวิสาขบูชานั้นเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพุทธศาสนา คือ เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้ประสูติ คือ เกิดขึ้น ได้ตรัสรู้ คือจบการศึกษา และปรินิพพาน คือสิ้นชีวิตไป ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ทั้ง ๓ วาระ เพียงแต่ว่าคนละปีกันเท่านั้น
องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นอัจฉริยะมนุษย์สุดประเสริฐ จึงมีสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เหมือนคนอื่นเขาอยู่มาก ในขณะเดียวกันพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ก็ก่อให้เกิดคุณประโยชน์อเนกอนันต์แก่บรรดามนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งในปัจจุบันนี้แม้แต่องค์กร UNESCO ก็ยอมรับให้พระพุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาแห่งสันติภาพของโลก เนื่องจากศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้เบียดเบียนคนอื่น เป็นต้น แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 29-05-2021 เมื่อ 00:59 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น เมื่อประสูติแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างราชกุมารอยู่ทั่วไป จนกระทั่งพบเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ จึงเกิดปัญญาขึ้นมาว่า ในเมื่อหลักธรรมที่ให้คนแก่ คนเจ็บ คนตาย มีอยู่ หลักธรรมที่ทำให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ก็ต้องมีด้วย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราจึงได้ปรารภที่จะออกบวช และก็ได้ศึกษาพากเพียรเรียนรู้อยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ ก่อนที่จะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ กลายเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา และได้ตรากตรำพระวรกาย ทรงสั่งสอนสัตว์โลกอยู่ถึง ๔๕ ปีเต็ม ๆ จึงได้เข้าสู่ปรินิพพาน องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ไม่ว่าจะตรัสสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม กล่าวกันว่าไม่มีคำสอง ก็คือไม่มีความผิดพลาด ไม่สามารถแปรเป็นอื่นไปได้ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 29-05-2021 เมื่อ 00:51 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระองค์ตรัสว่า "กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ" การที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเหลือแสน ท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนอย่างกับเอาเต่าตาบอดตัวหนึ่ง โยนไว้กลางทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นลม แล้วมีแอกเล็ก ๆ พอที่จะสวมกับคอเต่าได้พอดีอยู่ในนั้นด้วย เวลา ๑๐๐ ปีเต่าตัวนั้นโผล่ขึ้นมาทีหนึ่ง เวลา ๑๐๐ ปีก็โผล่มาทีหนึ่ง เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย จนกระทั่งศีรษะของเต่าสามารถสวมกับแอกได้พอดี มนุษย์เราถึงจะมีโอกาสได้เกิดมาครั้งหนึ่ง
เราจะเห็นว่าการเกิดนั้นยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเรามักจะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น โอกาสที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์จึงยากหนักหนา แม้กระทั่งวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า การจะเกิดเป็นมนุษย์นั้น เชื้อของพ่อนับล้าน ๆ ตัวต้องแข่งขันกัน แล้วก็จะมีอย่างเก่งหนึ่งตัวเท่านั้นที่สามารถรอดมาเกิดเป็นคนได้ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นผู้เป็นคน หรือตายเสียตั้งแต่ในท้อง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กล่าวว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งนัก ท่านทั้งหลายสามารถที่จะเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็แปลว่าเรากระทำสิ่งที่ยากยิ่งที่สุด ๑ ใน ๔ อย่างได้แล้ว |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ประการที่สอง พระองค์ท่านตรัสว่า "กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ" การที่จะทรงชีวิตอยู่ก็แสนยาก เนื่องจากว่าเรามีโอกาสที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย อย่างในปัจจุบันนี้ก็มีเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดอยู่ ทำให้คนทั่วโลกตายไปเกือบจะ ๓,๕๐๐,๐๐๐ คนอยู่แล้ว โอกาสความตายที่จะมาถึงเรามีอยู่ทุกเมื่อ
ถ้าหากว่าผู้ปฏิบัติธรรม ก็จะเห็นว่าชีวิตนี้มีแค่ลมหายใจเดียวเท่านั้น ก็คือหายใจเข้าถ้าไม่หายใจออก..เราก็ตาย หายใจออกถ้าไม่หายใจเข้า..เราก็ตายอีกเหมือนกัน เมื่อเป็นดังนั้น..พระองค์ท่านจึงได้ตรัสว่า "กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ" การที่จะดำรงชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ข้อต่อไป สิ่งที่ยากสาหัสนั้นยังมีอีกว่า "กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ" คือ การที่จะได้ฟังธรรมนั้นเป็นเรื่องที่แสนยาก เพราะว่าท่านทั้งหลายต้องได้เกิดเป็นมนุษย์ ต้องได้พบพระพุทธศาสนา ต้องมีสัมมาทิฏฐิ รู้ดีรู้ชั่ว แล้วก็รักดีมากกว่ารักชั่ว ท่านทั้งหลายจึงจะเข้าวัดเข้าวา ถือศีลปฏิบัติธรรม จึงจะมีโอกาสได้ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยเฉพาะว่าถ้าเราเกิดอยู่ในโลกยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา ก็จะยิ่งยากลำบากเข้าไปอีก เพราะว่าผู้คนไม่มีศีลไม่มีธรรม อย่าว่าแต่ฟังธรรมเลย แม้ว่ารักษาศีลก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร เป็นต้น องค์สมเด็จพระทศพลจึงได้กล่าวว่า "กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ" การที่จะได้ฟังธรรมนั้นแสนยาก |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ญาติโยมทั้งหลายได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้รักษาชีวิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ และได้ฟังธรรมแล้ว นับว่าเรากระทำสิ่งที่ยากที่สุดในโลก ๓ ประการได้โดยสมบูรณ์ ก็เหลือประการสุดท้าย คือ "กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท" การเกิดขึ้นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นยากอย่างยิ่ง
เพราะว่าระยะเวลาการบำเพ็ญเพียรอย่างต่ำสุดก็ต้อง ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนประมาณไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นการที่จะได้สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า แค่เพียงน้ำตาที่ร้องไห้เพราะเสียสิ่งที่รักไป ก็รวมกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบให้พวกเราได้เห็นอย่างชัดเจน ว่าพระองค์ท่านต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเพียงไร กว่าที่จะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ดังนั้นการที่เราท่านทั้งหลายซึ่งมาประกอบกิจกองบุญการกุศลในวันวิสาขบูชา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้ เราได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา รักษาชีวิตอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วน้อมนำไปปฏิบัติ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายนั้นได้กระทำเรื่องที่ยากที่สุด ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ทั้ง ๔ ประการได้ครบถ้วนสมบูรณ์
โดยเฉพาะในระยะเวลาที่เรายากลำบากอย่างในปัจจุบัน เพราะว่าไม่สามารถทำมาหากินด้วยอาการปกติ เนื่องจากมีเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้แพร่ระบาดอยู่ ทำให้เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ แต่ว่าถ้าหากเรานำหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ขึ้นชื่อว่าไวรัสก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะว่าทางราชการก็แนะนำให้เรารู้จักเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ สวมใส่หน้ากากอนามัย อย่าไปคลุกคลีตีโมงในที่ ๆ มีคนหมู่มาก เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ คือ ศีลของพระพุทธศาสนา เพราะว่าศีล คือข้อที่ห้ามไม่ให้เราทำ หรือว่าขณะเดียวกันก็กำหนดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง เป็นต้น คราวนี้กำลังใจของเราที่จะงดเว้นศีลในพระพุทธศาสนา ก็คือกำลังใจเดียวกับที่เราใช้ในการปฏิบัติตามกำหนดกฎเกณฑ์ในสังคม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 28-05-2021 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
กำหนดกฎเกณฑ์ในวิธีการที่เราจะเอาตัวรอดจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ใช้กำลังใจเดียวกับการรักษาศีล สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงเปรียบได้อย่างชัดเจนว่า เป็นศีลอย่างหนึ่งนั่นเอง
ดังนั้นถ้าท่านทั้งหลายรักษาศีลได้เป็นปกติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เพียงแต่เราต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่า ตอนนี้สภาพการณ์ของประเทศชาติเราไม่ปกติ สิ่งหนึ่งประการใดที่จะช่วยให้ตัวเราและคนที่เรารัก สามารถที่จะหลุดพ้น ไม่โดนเชื้อไวรัสเกาะกิน ก็ต้องทำตามให้ครบถ้วนด้วยความระมัดระวัง และขณะเดียวกันถ้ามีโอกาส ก็ให้ไปฉีดวัคซีนต้านไวรัสเสียก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เราจะอยู่รอดปลอดภัย มีโอกาสที่จะทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม สร้างมหากุศลให้เกิดแก่ตัวเอง ก็จะมีมากยิ่งกว่าคนอื่นเขา แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 28-05-2021 เมื่อ 01:34 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ในเรื่องของการบำเพ็ญกองบุญการกุศลในวันวิสาขบูชา เราก็มีมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำนั้นก็ได้ขออนุญาตต่อทางที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ก็คือได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา ทั้งหมด ๑,๓๙๐,๐๐๐ บาท จากเงินที่ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันทำบุญมา
ขณะเดียวกันก็มีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ในช่วงประมาณเที่ยงครึ่งก็ยังมีการอุปสมบทหมู่ เพียงแต่ว่าเรางดเว้นการเวียนเทียน และการตามประทีปเป็นพุทธบูชาเท่านั้น ในช่วงค่ำเราก็มีการที่จะทำวัตรสวดมนต์ของเราตามปกติ ก็แปลว่าเราสามารถที่จะมีกิจกรรมที่เป็นกองบุญการกุศลได้ตลอดทั้งวันเหมือนเดิม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 29-05-2021 เมื่อ 00:49 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
วันนี้ก็มีบรรดาผู้นำชุมชนและคณะกรรมการชุมชน มาร่วมด้วยช่วยกันในการเปิดโรงทานต้านภัยโควิด ๑๙ ตามพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อที่จะให้กำลังใจแก่แพทย์ พยาบาล อสม. ตลอดจนกระทั่งด่านตรวจทั้งหลาย ด้วยการทำอาหารไปส่งให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เป็นการให้กำลังใจว่า คนไทยเราไม่ทิ้งกัน
ในวาระที่ยากลำบาก ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นนักรบในแนวหน้า ที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เราที่อยู่แนวหลังทั้งหลายก็ช่วยกันให้กำลังใจ ซึ่งวัดท่าขนุนของเราเปิดโรงทานเพื่อคณะแพทย์ พยาบาล อสม. และด่านตรวจ ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ อาทิตย์ละ ๓ วัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 29-05-2021 เมื่อ 00:49 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า สิ่งที่เรากระทำนั้น จริง ๆ แล้วก็อยู่ในสิ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และสั่งสอนให้เราปฏิบัติตาม ก็คือการให้ทาน เพื่อเป็นการตัดความโลภในจิตในใจของเราการรักษาศีลเพื่อตัดความโกรธ ตัดโทสะในจิตในใจของเรา ในขณะเดียวกันก็มีการปฏิบัติภาวนา เพื่อสร้างเสริมปัญญาให้เกิด ให้รู้เท่าทันความเป็นจริงในโลก รู้เท่าทันความเป็นจริงในร่างกายของเรานี้ ว่ามีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และจะเสื่อมสลายไปในที่สุด เป็นการตัดความหลงที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ในร่างกายนี้
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถปฏิบัติในขั้นต้นได้ ก็เกิดใหม่มาเป็นมนุษย์ชั้นดี หรือว่าเป็นเทวดา นางฟ้า ถ้าปฏิบัติในท่ามกลางได้ ก็สามารถที่จะเกิดเป็นพรหม แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่นิยมการเกิด ตัดกำลังใจที่เกาะในร่างกายและทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ออกเสียได้ ไม่คิดที่จะมาเกิดในโลกนี้ให้ทุกข์ยากลำบากอีก ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ทรงล่วงหน้าไปแล้ว ๒,๕๖๔ ปีที่ผ่านมา |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนามาในวิสาขบูชากถา ก็พอสมควรแก่เวลา ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีธรรมของหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนี้เป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้พุทธบริษัททั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ตลอดจนกระทั่งฆราวาสหญิงชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งในสถานที่นี้ก็ดี อยู่ยังเรือนชานบ้านช่องก็ดี อยู่ ณ ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศก็ตาม ขอให้ท่านทั้งหลายมีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัย ไม่เกินวิสัยแห่งผลบุญที่ได้สร้างไว้แล้วไซร้ ของให้ความประสงค์ของท่านทั้งหลาย จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการ
รับหน้าที่วิสัชนามาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์วันวิสาขบูชา ณ วัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยหยาดฝน) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|