กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-07-2009, 18:21
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก


หลวงพ่อจง
โดย
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

สำหรับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกนี้ คิดว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทคงจะรู้จักได้ดี เพราะว่ามีชื่อเสียงมาก ท่านตายหลังหลวงพ่อปาน เพิ่งจะตายมาได้ไม่กี่ปีนี้เอง สำหรับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกนี้ ท่านบวชไล่เลี่ยกับหลวงพ่อปาน และเจริญพระกรรมฐานมาจากสำนักเดียวกับหลวงพ่อปาน แต่หลวงพ่อจงไม่ทำการก่อสร้าง มุ่งเฉพาะเจริญพระกรรมฐานและสงเคราะห์บรรดาท่านพุทธบริษัทด้านอื่น ๆ มีการลงเลขยันต์ ขอน้ำมนต์ อะไรก็ช่างเถอะ แบบนี้หลวงพ่อจงตามใจท่านพุทธบริษัททุกท่าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการเงินแล้วหลวงพ่อจงไม่สนใจ ใครไปหาท่าน จะถวายหรือไม่ถวายก็ตาม และจะไปหาเวลาไหนก็ตาม ตี ๑ ตี ๒ ก็ตาม ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วก็ทำให้ตามประสงค์ และในตอนต้นท่านก็เป็นนักธุดงค์ หลวงพ่อปานก็ดี หลวงพ่อจงก็ดี มีประวัติการธุดงค์มาก ที่อาตมานำมาเล่าให้พุทธบริษัทฟังเพียงเล็กน้อย ก็เพราะเป็นเรื่องที่อาตมาพอจะรู้ได้ สำหรับที่ไม่ได้ติดตามท่านไปและท่านมาเล่าให้ฟัง หลายรายการที่ไม่นำมาเล่าให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทเพราะเกรงว่าจะเป็นการเพ้อเกินไป เพราะเวลานี้นักธุดงค์แบบนั้นไม่ค่อยมี มีแต่ธุดงค์ปักกลดใกล้บ้าน

สำหรับหลวงพ่อปานก็ดี หลวงพ่อจงก็ดี เคยธุดงค์ผ่านประเทศพม่าไปถึงพุทธคยา ประเทศอินเดีย ท่านไปกันถึงระดับนั้น สำหรับหลวงพ่อจงนี้ เป็นพระที่อยู่ในขั้นมัธยัสถ์มาก คำว่ามัธยัสถ์ในที่นี้ หมายความถึงเรื่องนี้ ศีลาจารวัตร คือประพฤติในศีลดีมาก การเงินไม่สนใจ ได้เท่าไรก็ตาม การก่อสร้างก็ไม่สร้าง แต่ว่ามีพระน้องชายอยู่องค์หนึ่ง ชื่อหลวงพ่อนิล อยู่วัดหน้าต่างใน ความจริงวัดหน้าต่างนอกกับวัดหน้าต่างในมีเขตรั้วติดกัน น้องชายเป็นช่าง หลวงพ่อจงเป็นประธาน ใครไปใครมา เขาก็เอาเงินมาถวาย ก็มอบให้หลวงพ่อนิลไป หลวงพ่อนิลก็ทำการก่อสร้าง องค์นี้ก็ดีเหลือเกิน ดีจริง ๆ เรื่องการก่อสร้าง ไม่งุบงิบเงินของชาวบ้าน เรียกว่าไม่หาผลกำไรจากการก่อสร้าง นี่มันผิดกันนะ วัดที่จะเจริญรุ่งเรืองได้ก็ต้องมีพระดีแบบนี้ พระรู้จักเสียสละ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-07-2009, 18:53
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

พระผู้ทรงอภิญญา


ทีนี้หลวงพ่อจงเป็นพระเจริญพระกรรมฐาน เขากล่าวกันว่าหลวงพ่อจงเป็นผู้ทรงอภิญญา ที่อาตมาจะเล่าเรื่องของท่านให้ฟัง แต่การปฏิบัติจะปฏิบัติมาอย่างไร เรื่องนี้อาตมาไม่พูดให้ฟัง เพราะว่าเวลานี้คำสั่งสอน ข้อวัตรปฏิบัติของพระพุทธเจ้าก็ยังคงสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ และแนวการปฏิบัติของหลวงพ่อจงและหลวงพ่อปานก็เป็นแบบเดียวกัน คือว่าปฏิบัติในแนวกรรมฐาน ๔๐ อย่าง เรียกว่าปฏิบัติครบจำนวน ไม่ใช่ปฏิบัติแบบใดแบบหนึ่ง เพราะว่าเป็นพระมีเวลามาก นี่จะว่ากันถึงเรื่องปาฏิหาริย์ พระที่ทำธุดงค์ดี ๆ และเข้าป่าไปไกล ๆ จนกระทั่งประเทศอินเดียได้ก็ต้องมีความดีเป็นพิเศษ ความดีเป็นพิเศษด้านจิตใจนี่ก็เล่าให้กันฟังไม่ได้ ก็ไม่ได้คุยให้ฟัง จะเล่าถึงฟังถึงปาฏิหาริย์ส่วนหนึ่ง

คือว่าในคราวหนึ่ง หลวงพ่อปานได้สร้างศาลาหน้ามุขของวัดบางนมโคเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนั้นก็เป็นวันฉลองศาลา การมีงานฉลองของหลวงพ่อปานนี้ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทโปรดทราบว่า ไม่มีมหรสพใด ๆ ถึงแม้ว่าปี่พาทย์ก็ไม่มีนะ ถ้าเป็นงานของท่าน หากว่าเป็นงานประจำปีของวัดท่านไม่ห้าม ถือว่าเป็นงานของประชาชน แต่งานที่ท่านจัดเป็นส่วนตัวนี้ มหรสพไม่มี ปี่พาทย์ที่เขาจะหามาช่วยก็ไม่รับ ท่านบอกว่าหนวกหู ท่านมีการสวดมนต์เย็นแล้วก็ถวายภัตตาหารเช้า แล้วก็มีเทศน์กัณฑ์หนึ่ง พระที่ท่านนิมนต์มาก็คัดพระที่ท่านชอบใจ

งานของหลวงพ่อปาน บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท มีงานครั้งใดท่านต้องตั้งโรงครัวเลี้ยงคนที่มาในงาน ต้องหุงข้าว ๘ กระทะยังไม่ทันคนกินเลย ลองคิดดูว่าข้าว ๘ กระทะ ตั้งพร้อมกัน ต้องหุงกันทั้งวัน คิดดูว่าคนจะมากน้อยสักเพียงใด คนมากจริง ๆ หลวงพ่อปานท่านทำอะไรขึ้นมาก็คนมาก ศาลาหน้ามุขท่านสร้างขึ้นมาราคา ๖,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้สัก ๒ - ๓ แสน สมัยนั้น ๖,๐๐๐ บาท พอเริ่มเข้าตอนเย็นไม่ทันจะสวดมนต์เย็น บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทก็นำเงินมาถวายครบ กว่างานจะจบก็ได้เงินอีกสัก ๒ - ๓ หมื่นบาท ไปสร้างโบสถ์ได้อีกสองหลัง โบสถ์ธรรมดานะ โบสถ์สมัยก่อนสร้างกันหมื่นบาทก็สวยแล้ว ถ้าสร้างกันเป็นกรณีพิเศษก็สามหมื่นบาทก็เด่นบอกไม่ถูก เพราะค่าของเงินแพง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ก้านบัว : 16-07-2009 เมื่อ 19:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-07-2009, 19:15
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

ปาฏิหาริย์

ทีนี้งานฉลองศาลาหน้ามุขคราวนั้น หลวงพ่อปานมีคำสั่งให้อาตมาเองไปรับหลวงพ่อจงที่วัดหน้าต่างนอก ระยะทางไกลกันสัก ๑๐ กิโลนะ จากวัดบางนมโคถ้าไปทางเดิน ถ้าไปทางเรือก็ต้องอ้อมห่างกันประมาณ ๑๕ กิโล เพราะแม่น้ำมันโค้งมาก อาตมาก็ลงเรือเร็วของนายปั๋ง สมัยนั้นมีเจ้าของเรือเร็วคนหนึ่งชื่อนายปั๋ง นายปั๋งอาสานำเรือเร็วพาไป

ครั้นไปถึงวัดของหลวงพ่อจง ปรากฏว่ามีแขกนั่งอยู่ ๔ คน แขกนี่ไม่ใช่แขกจริง ๆ นะ เป็นคนไทย เขากำลังจะรดน้ำมนต์ ก็ไปนิมนต์ท่าน เวลานี้ก็ใกล้จะถึงเวลาสวดมนต์แล้วขอรับ หลวงพ่อปานใช้ให้กระผมมารับหลวงพ่อ เอาเรือเร็วมารับ ท่านก็บอกว่าคุณไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวฉันจะเดินไป

ก็กราบเรียนท่านว่า "...การเดินไปน่ะช้านะครับ กระผมเอาเรือเร็วมารับ หลวงพ่อรดน้ำมนต์เสร็จแล้วก็ไปกับกระผม..."
ท่านก็ไม่ยอมฟัง ท่านก็ไล่ให้กลับ บอกว่าไปเถอะ ประเดี๋ยวฉันไปทัน ถามว่า "หลวงพ่อจะไปยังไง"
ท่านก็ตอบว่า "...ฉันจะเดินไป..."

อาตมาก็ประวิงเวลา ในที่สุดท่านก็ไล่ให้กลับ ในเมื่อท่านไล่ให้กลับก็กลับ นั่งเรือเร็วมา พอกลับมาถึงวัด อีตอนที่จะมาน่ะหลวงพ่อจงเริ่มรดน้ำมนต์คนที่มาหาคนแรก คือรดเป็นรายบุคคล พอเรือเร็ววิ่งมาถึงวัด ก็เข้าไปกราบหลวงพ่อปานที่ที่รับแขก ไปรายงานท่านว่าหลวงพ่อจงไล่ให้กระผมมาก่อนขอรับ แล้วท่านกำลังรดน้ำมนต์คนอยู่ ๔ คน ท่านบอกว่ารดน้ำมนต์เสร็จแล้วท่านจะเดินมา กระผมจะคอยท่านก็ไล่ให้กลับ กระผมก็เลยกลับ กลับมารายงานให้หลวงพ่อทราบ ว่าประเดี๋ยวหลวงพ่อจงท่านจะมา ท่านจะเดินมาเอง หลวงพ่อปานพอได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ

บอกว่า "...ลิงดำเอ๊ย ! หลวงพ่อจงเล่นกลกับเอ็งเข้าแล้วล่ะ เอ็งลองไปดูบนศาลาการเปรียญซิ พระมาครบแล้วหรือยัง...?"

พอขึ้นไปถึงศาลาการเปรียญก็ต้องตกใจ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ปรากฏว่าหลวงพ่อจงมานั่งอยู่หัวแถว เพราะท่านเป็นพระอาวุโส พอท่านเห็นหน้าอาตมา ท่านกวักมือให้เข้าไปหา อาตมาก็เข้าไปกราบท่าน

ท่านก็ว่า "...เรือเร็วของคุณนี่มันช้าจริงนะ ฉันเดินมาถึงก่อนตั้งนาน..."

แหม...เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ฟังแล้วอัศจรรย์ไหม นี่เป็นตอนหนึ่งของหลวงพ่อจงนะ เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เล่าสู่กันฟัง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2009 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-07-2009, 11:34
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

พบผีนางไม้

อีกคราวหนึ่งทางวัดไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี เขาจะฝังลูกนิมิตในโบสถ์ คราวนั้นก็นิมนต์อาตมาไปด้วย หลวงพ่อจงท่านก็ไป อาตมาไปในฐานะลูกศิษย์ของหลวงพ่อปาน ทีนี้เวลารับแขก รับแขกกันที่ศาลาการเปรียญ หลวงพ่อจงท่านเป็นคนลง "นะหน้าทอง" นะอะไรต่ออะไรก็ตาม อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือคุย เพราะว่ามีคนมาหาหลวงพ่อจงเต็มศาลาการเปรียญทั้งวัน ท่านก็ลงนะหน้าทองให้ สำหรับบาตรทางวัดเขาก็ตั้งไว้ ได้เงินเท่าไรก็เรื่องของวัด ตัวท่านเอง ท่านไม่มีราคา ใครจะนิมนต์ไปไหนก็ตามไม่เคยมีราคา และหากว่าว่างก็ไม่รังเกียจ ทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ทีนี้ตกดึกเวลากลางคืน ถึงเวลาพักผ่อนก็เป็นเวลาที่มหรสพเลิกแล้ว เป็นเวลาสักหกทุ่ม เขาก็จัดกุฏิให้พัก หลังหนึ่งเป็นกุฏิ ๒ ชั้น อาตมากับหลวงพ่อจงพักอยู่ด้วยกัน ทีนี้เวลาประมาณตี ๒ อาตมาไม่รู้ว่าฉันอะไรเข้าไป อยากจะไปส้วม ไอ้ส้วมวัดนั้นก็อยู่ไกลเหลือเกิน เป็นส้วมสมัยเก่า ต้องเดินจากกุฏิไปในป่าช้า ก็ไป ในเมื่อมันปวดท้องส้วมนี่ก็ทนไม่ไหว ถ้าขืนทนมันก็ต้องเกิดการขายหน้าขึ้นมา

ก็ไปส้วมกลับมา แล้วก็งานวันขนาดนั้นไฟฟ้าก็สว่างเต็มวัด ตานี้พอเดินผ่านกุฏิหลังหนึ่ง ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครวญครางแสดงถึงความเจ็บปวด ก็เดินหันกลับเข้าไปดู คิดว่าผู้หญิงป่วย หรือมีคนมานอนป่วยอยู่ในกุฏิหลังนี้ ก็ปรากฏว่ากุฏิหลังนั้นใส่กุญแจเรียบร้อย พอเข้าไปใกล้กุฏิหลังนั้น เสียงครวญครางนั้นก็เงียบหายไป แล้วเดินอ้อมไปดูด้านหลัง หน้าต่างปิด ไปเคาะประตูเรียกก็ไม่ปรากฏว่ามีคน เดินกลับออกมาอีกห่างประมาณ ๔ - ๕ วา ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นร้องครวญครางอีก แสดงถึงความเจ็บปวดอีกวาระหนึ่ง ก็กลับเข้าไปดูใหม่ อีคราวนี้เข้าไปดันประตูก็ไม่เข้า ตะกายขึ้นไปเปิดหน้าต่างบานใดบานหนึ่งก็เปิดไม่ออก ก็กลับถอยออกมา

พอถอยออกมาสัก ๓ - ๔ วา ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางอีก คราวนี้เอาใหม่ เข้าไปดูหน้าต่างบานหนึ่งรู้สึกว่าจะอ่อนแอมาก เลยเอาไม้กระทุ้งเสียกลอนหัก เปิดเข้าไปเดินเข้าไปดูกุฏิหลังนั้น ปรากฏว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย มืดไปหมด เอาไฟฉายส่องดู จะหาคนหรือสัตว์หรือแมวสักตัวก็ไม่มี ปรากฏว่าเป็นกุฏิร้าง ก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงที่ร้องนี้ต้องเป็นเสียงของผี เรื่องผีนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่อาตมาพบมามากแล้ว ไม่รู้สึกหนักใจ เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องของผีก็เลยเดินกลับ เสียงร้องก็หายไป พอกลับมาถึงกุฏิชั้นบนที่พักกับหลวงพ่อจง เมื่อขณะที่ไปปรากฏว่าหลวงพ่อจงจำวัด เมื่อกลับขึ้นมาปรากฏว่าหลวงพ่อจงลุกขึ้นนั่ง อาตมาขึ้นไปหาท่าน ก็ยิ้มกวักมือ เรียกให้เข้าไปหา ก็นอนอยู่คนละมุม คนละด้าน

ท่านถามว่า " ...เจอะนักเลงโตเข้ารึ...?"
ก็ถามว่าอะไรล่ะขอรับหลวงพ่อ ท่านก็ว่าเมื่อกี้เธอไปส้วมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านว่าใช่ ท่านก็เลยบอกว่า ไม่ใช่คนหรอก นางไม้ ถามว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไรขอรับ เพราะกุฏิหลังนั้นอยู่ห่างไปสัก ๒๐ วา แล้วเสียงร้องครวญครางก็ไม่ดังนัก หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ฉันรู้ รู้ตั้งแต่เธอเดินไปแล้วว่าเวลาขากลับเขาจะแกล้งร้อง ถามว่าเขาร้องทำไม บอกเขาแกล้งร้องหลอกเธอน่ะซิ แล้วถามถึงความประสงค์ ท่านบอกว่า ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเขารู้ว่าเธอไม่กลัวผี ก็เลยถามว่าผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นอะไร ท่านก็เลยบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเขาอยู่ที่กุฏินั้น ฉันดูแล้วเพราะเห็นเสาตกน้ำมัน เสาด้านทิศตะวันออกมุมด้านทิศเหนือนั่นละนะ แต่อยู่แถบตะวันออก เป็นเสาตกน้ำมัน เมื่อทราบแล้วก็มานอนกัน ต่างคนต่างนอน ตอนเช้าก็ถึงเวลาฉันเช้า

ถามเจ้าอาวาสว่า "...กุฏิมีใครอยู่หรือเปล่า...?"
ท่านก็ตอบว่า "...ไม่มีใครอยู่หรอกขอรับ ทั้งนี้เพราะกุฏิหลังนั้นมีเสาตกน้ำมัน ใครอยู่ไม่ได้ พระองค์ไหนก็อยู่ไม่ได้ ถูกหลอกเสียจนอยู่ไม่ได้..."

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ก้านบัว : 20-07-2009 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-07-2009, 11:46
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

นี่นำเรื่องนี้มาเล่าให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทฟัง ก็เพื่อจะได้ทราบว่า ความรู้ในพระพุทธศาสนาน่ะ ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทเรียนกัน ศึกษากันในด้านการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าหากว่าจิตเข้าถึงอภิญญาคือทรงกสิน ๑๐ แล้ว ฝึกอภิญญาจนคล่องได้อย่างหลวงพ่อจงนี่น่ะ หลวงพ่อจงนี่เป็นพระอภิญญานะ เรียกว่าพระอภิญญาจริง ๆ อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง แล้วก็รู้จริง ๆ แต่สำหรับตัวท่านไม่สนใจงานก่อสร้าง ก็หมายความว่างานสร้างเป็นหน้าที่ของน้องชาย ตัวท่านมีหน้าที่อย่างเดียวคือรับใช้ประชาชน ในเมื่อประชาชนจะไปใช้ท่านละก็ไม่ต้องห่วง เวลาไหนก็ได้ จะทำน้ำมนต์หรือตะกรุด หรือจะทำอะไรต่ออะไรก็ได้ ทุกอย่างทำได้ทุกเวลา ไปถึงดึกดื่นเที่ยงคืนอย่างไรก็ตาม ถ้าปรากฏหลวงพ่อจงตื่นขึ้นมาแล้ว ก็เป็นอันว่าท่านทำให้ทันที

เคยถามเรื่องนี้กับท่านว่า
"...หลวงพ่อทำไมทำอย่างนี้ครับ ท่านก็เหนื่อยแย่ซิครับ ควรจะมีเวลาแน่นอน..."

ท่านบอกว่า "...ไม่เป็นไรหรอกคุณ เราใช้หนี้เขาเสียให้หมด เราใช้เสียชาตินี้ชาติเดียว ชาติหน้าจะได้ไม่มีเจ้าหนี้มาคอยทวงเรา..."

นี่แสดงว่าท่านเป็นพระไม่ต้องการการเกิดต่อไปนะ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท นี่เป็นเหตุการณ์ตอนที่สองของหลวงพ่อจงนะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 21-07-2009, 23:12
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

ให้หวย

ทีนี้ตอนนี้ตอนต่อไปก็มีหลายเรื่องที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท นี่จะเล่าถึงเรื่องการให้หวย หลวงพ่อจงนอกจากว่าจะลงเลขยันต์แล้วก็มีการให้หวยด้วย ท่านเป็นคนตามใจคน แต่ว่าการให้หวยของท่านนี้ ทุกคราวไม่ผิดตัวหน้าก็ผิดตัวหลัง ไม่ผิดตัวหลังก็ผิดตัวหน้าประมาณ ๗ - ๘ งวด เลขชุดที่ท่านให้ไปนี่แหละจะตรง หมายความว่า งวดที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ บางทีก็งวดครั้งที่ ๘ ตรงพอดี บางทีก็งวดที่ ๑๐ เคยให้ลูกศิษย์คนหนึ่งไปขอ บอกลองขอหวยหลวงพ่อจงดูแล้วก็เล่นตามท่านไป ครั้งแรก ๑ บาท ครั้งที่สอง ๒ บาท ครั้งที่สาม ๓ บาท ว่าไป ว่าถึงกี่บาทมันถึงจะถูก อย่าไปดัดแปลงเลขของท่าน บางคราวก็ ๘ บาท บางคราวก็ ๑๒ บาท จึงถูก แต่ว่าไม่เคยเกิน ๑๒ บาท

คราวนี้มีคราวหนึ่งชาวพระนครไปทอดผ้าป่ากับนำเงินไปถวาย ๒ - ๓ หมื่นบาท และก็เอาเรือของบริษัทสุพรรณขนส่งบรรทุกกันไปเต็มลำ วัดของท่านอยู่ลึกเข้าไปจากท่าน้ำประมาณ ๕ หรือ ๑๐ เส้น ไกลมาก เห็นจะประมาณ ๑๐ เส้น ๆ หนึ่ง ๒๐ วานะ ประมาณ ๑๐ เส้น แล้วก็มีกอไผ่บังมองไม่เห็นเรือ ทีนี้เวลาที่เขาจะกลับเขาก็เลยขอหวยท่าน

ท่านก็บอก "...หวยไม่มีหรอก เห็นไอ้เรือ บขส. มันมาตายอยู่ เรือ บขส. มันมาตายที่หน้าวัดลำหนึ่ง..."

พวกหน้าวัดก็รู้ทัน พอกลับไปกรุงเทพฯ ก็เอาหมายเลขที่ข้างเรือไปเล่น ตัดเอาเลขท้าย ๓ ตัว ถูกกันเป็นการใหญ่ แล้วก็กลับมาหาท่านอีกเอาเงินมาถวายท่าน มาขอหวยท่านใหม่ ท่านบอก เวลานี้ไม่เห็นไอ้เรือ บขส. มันตายนี่ มันไม่ตายเสียแล้ว กลับไปเถอะ ถ้าวันไหนไอ้เรือ บขส. มันมาตายหน้าวัดค่อยเอาเลข เวลานี้เรือ บขส. หน้าวัดมันไม่ตายก็อย่าเอาเลยเลข ทำบุญเอาบุญกันก็แล้วกัน นี่ก็จัดว่าเป็นอภิญญาอย่างหนึ่ง การรู้เลขหวยนี่พระรู้ได้ แต่ทว่าบอกไม่ได้ เรื่องพระรู้ได้อย่ามาถามอาตมาเข้านะ อาตมาไม่รู้กับเขานะ นี่หมายความว่าพระที่ท่านรู้อภิญญาน่ะท่านรู้ได้ แต่ว่าบอกไม่ได้ บอกตรง ๆ กันไม่ได้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 22-07-2009, 00:14
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,332 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

มีอยู่คราวหนึ่ง ว่ากันถึงเรื่องหวย มีผู้หญิงคนหนึ่ง น้ำท่วมมากในหน้าน้ำ แกมีลูกอยู่ ๕ คน ไอ้น้ำก็เกือบจะท่วมบ้านเข้าไปแล้ว ก็เลยพายเรือไปหาหลวงพ่อจงขอหวย บอกเวลานี้จนมาก ข้าวปลาจะไม่มีให้ลูกกินแล้ว ข้าวใหม่ก็ยังไม่ออก ไอ้ข้าวเก่าก็หมดไป ไปกู้ยืมเขาก็ไม่ค่อยได้เพราะเป็นคนจน หลวงพ่อจงก็เขียนเลขให้ไป ๓ ตัว บอกว่าอย่าไปบอกใครนะ เอาไปเล่นเถอะ เขามาขอตอนบ่าย พอตอนเย็นท่านมานึกขึ้นมายังไงไม่ทราบ พายเรือไปเองที่บ้านนั้น แล้วก็ไปเรียกเจ้าของบ้านว่า อีหนูเอ๊ย...อีหนู ออกมาหาหลวงพ่อหน่อย เขาก็ออกมา แล้วหลวงพ่อก็เลยบอกว่า

"...เลขที่หลวงพ่อเขียนมาให้น่ะมันถูกนะ อย่าไปบอกใครเขา แต่ว่าวาสนาบารมีของเอ็งน่ะถูกได้เพียง ๕ บาทเท่านั้น อย่าซื้อให้เกิน ๕ บาทนะมันจะบาป..."

เป็นอันว่ายายคนนั้นแกก็รับวาจาแล้วก็มีสัจจะซื้อเพียงแค่ ๕ บาท ก็ปรากฏว่าเลขถูก นี่แหละบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท เรื่องราวของหลวงพ่อจงน่ะตามที่เล่ามานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์กับบรรดาท่านนักปฏิบัติเลย ถ้าจะพูดกันไป เรื่องราวของหลวงพ่อจงนี้มากมาย อาตมาได้สัมผัสกับท่านมาก มีความสัมพันธ์กับท่านมามาก พอหลังจากหลวงพ่อปานตายแล้ว อาตมาก็ไปขลุกขลักขลุกขลิกกับหลวงพ่อจง มีเรื่องอีกเยอะที่จะเล่าให้ญาติโยมพุทธบริษัทฟัง

เป็นอันสรุปกันง่าย ๆ ว่า หลวงพ่อจงน่ะท่านเป็นพระบวชเข้ามาเพื่อละจริง ๆ เรื่องทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่มีความสนใจ ใครเขานิมนต์ไปทำอะไร จะให้เท่าไรหรือไม่ให้ไม่สนใจ ก็ให้ส่งกลับถึงวัดก็แล้วกัน นี่ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง ของทั้งหลายที่มีอยู่นี่ห้ามขอนะ ถ้าใครขอเมื่อไรให้เมื่อนั้น เรียกว่าท่านเป็นผู้ละจริง ๆ แล้วอีกประการหนึ่ง เงินทองได้มาเท่าไรก็ตาม ถ้ามีใครเขาถวายมาก็เรียกหลวงพ่อนิลน้องชายมาบอกว่า เงินทองนี่เป็นของสงฆ์นะ เอาไปสร้างวัดนอกหรือวัดในก็ได้

รวมความว่าวัดหน้าต่างนอกและวัดหน้าต่างในนั่นติดกัน หลวงพ่อนิลก็ต้องสร้างสองวัด เพราะหลวงพ่อจงจะเป็นคนหาเงิน วันหนึ่ง ๆ ได้เงินมาก เขานิมนต์ไปไหนเขาก็ถวายมาก ๆ ก็มามอบให้หลวงพ่อนิลหมด เป็นอันว่าหลวงพ่อจงเป็นนักปฏิบัติกรรมฐาน จัดว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท คือว่าเป็นผู้มีความมัธยัสถ์ ยึดมั่นในศีล สมาธิ ปัญญา ตามที่พูดมา สำหรับเรื่องนี้ก็ขอจบเพียงแค่นี้ สวัสดี


จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๗
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว