#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
|
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ วัดท่าขนุนของเราได้ตัดยอดนาค ที่สมัครบวชเพื่อปฏิบัติธรรมช่วงสัปดาห์วันวิสาขบูชา สรุปว่าตอนนี้ก็คือ ๑๑ คนด้วยกัน คราวนี้ ๑๑ คนที่เหลือ จะรอดไปได้สักเท่าไรก็รอดูอีก ๕ - ๖ วันข้างหน้า
วันนี้กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางขึ้นไปยังอำเภอสังขละบุรี เพื่อตรวจสอบที่พัก แล้วก็การจัดการสถานที่เพื่อเตรียมประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งจากการคำนวณคร่าว ๆ ก็จะมีพระสังฆาธิการระดับที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ มาร่วมประชุมครั้งนี้ประมาณ ๗๐๐ รูปเป็นอย่างต่ำ คราวนี้จังหวัดกาญจนบุรีในฐานะเจ้าภาพ ก็ต้องดูแลเรื่องที่อยู่ที่กิน แต่ยังโชคดีที่ว่ามีรีสอร์ทหลายแห่งปวารณา ถวายการอุปถัมภ์เรื่องที่พัก อย่างเช่นวันนี้ที่กระผม/อาตมภาพไปสำรวจความพร้อมดู ก็มีแมกไม้รีสอร์ท หมู่ที่ ๘ ตำบลหนองลู แล้วก็วังกะรีสอร์ท หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองลู ต้องบอกว่าในฐานะเจ้าภาพ บรรดาท่านเจ้าของรีสอร์ทก็ถือว่าเสียหน้าไม่ได้ จึงพร้อมใจกันปวารณาให้ที่พักฟรี แก่บรรดาพระสังฆาธิการที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ ในนามของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็ต้องอาศัยโอกาสนี้เจริญพรขอบคุณท่านเจ้าของรีสอร์ท และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ตั้งใจช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ความจริงแล้วกระผม/อาตมภาพ อยากให้พระสังฆาธิการทั้งหลายเหล่านี้พักที่วัด เพราะว่าจากที่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านให้นโยบายไว้ก็คือ อยากให้เพื่อนพระสังฆาธิการในจังหวัดอื่น ๆ มาดูบ้าง ว่าเขาอยู่กันลำบากและห่างไกลแค่ไหน แต่คราวนี้ต้องบอกว่าท่านทั้งหลายได้สร้างบุญเอาไว้ดี ถึงได้มีเจ้าของรีสอร์ทปวารณาให้ขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นค่าใช้จ่ายตรงนี้พวกเราน่าจะรับกันไม่ไหว เนื่องจากว่าที่พักในอำเภอสังขละบุรีนั้น แพงมากเป็นพิเศษ อย่างที่ทองผาภูมินี้ ห้องพักทั่ว ๆ ไป คืนหนึ่งประมาณ ๖๐๐ - ๗๐๐ บาท พอที่จะหาพักได้แล้ว แต่สังขละบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งมีทั้งวัดหลวงพ่ออุตตมะ (วัดวังก์วิเวการาม) และสะพานมอญ ห้องพักแบบธรรมดา คืนหนึ่งอย่างต่ำ ๒,๐๐๐ บาท..! ราคาต่างกันประมาณ ๓ เท่า จึงทำให้ท่านทั้งหลายที่ปวารณานั้น แบ่งเบาภาระคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีไปได้อย่างมากมายมหาศาล
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2023 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อกลับมาวัดท่าขนุน ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิก็โทรศัพท์มา บอกว่า "รบกวนหลวงพ่อรองฯ ช่วยไประงับอธิกรณ์ที่ตำบลห้วยเขย่งให้หน่อยครับ เนื่องจากว่าหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ วัดเขื่อนวชิรราลงกรณ ท่านก็อายุเกือบ ๘๐ แล้ว และเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่" ในเมื่อหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอท่านต้องเป็นหลักอยู่ที่สังขละบุรี กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งไปตำบลห้วยเขย่ง เสร็จงานแล้วก็เพิ่งจะกลับมาก่อนทำวัตรค่ำนี้นิดเดียวเท่านั้น
สาเหตุก็คือว่าช่วงนี้ที่ห้วยเขย่งยาบ้าระบาด ทางด้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็ร่วมมือกับทางตำรวจชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าไปทำการตรวจปัสสาวะกลุ่มผู้เสี่ยง บรรดาเด็กที่ตรวจปัสสาวะแล้ว ผลขึ้นอย่างชัดเจนว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย ก็ซัดทอดมาว่าทำไมไม่ตรวจในวัดด้วย..! เมื่อทำการตรวจในวัด มีพระรูปหนึ่งที่พรรษาค่อนข้างมาก ผลขึ้นอย่างชัดเจนว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย แต่ท่านไม่ยอมให้ดำเนินคดีด้วยการสึกหาลาเพศ คราวนี้หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอก็ดี รองเจ้าคณะอำเภอวัดเขื่อนฯ ก็ดี แม้แต่กระผม/อาตมภาพเอง อาวุโสน้อยกว่าเจ้าอาวาส ดังนั้น..เราจะพึ่งพระวินยาธิการหรือว่าตำรวจพระไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นเจ้าอาวาสที่อายุกาลพรรษาน้อย ไปเจอเจ้าอาวาสแถมยังเป็นเจ้าคณะตำบลอาวุโสสูงสุดเข้าด้วย ก็คงจะทำอะไรไม่ถูก กระผม/อาตมภาพจึงต้องเดินทางไปเอง แม้ว่าจะอาวุโสพรรษาน้อยกว่าท่าน แต่ว่าผลงานที่ผ่านมาทำให้ท่านเกรงใจ ท้ายสุดก็ยอมให้ลูกศิษย์ของตนสึกหาลาเพศ เพราะกระผม/อาตมภาพยืนยันว่า สึกไปจะไม่มีการดำเนินคดี เพราะว่าจะเอาเข้าโครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติดในฐานะผู้ป่วย ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน ๑๕ วัน ออกมาแล้วสามารถบวชใหม่ได้ เนื่องเพราะว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีหนักหนาจนถึงขนาดอาบัติปาราชิก ห้ามการบวช ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเรื่องถึงได้จบลงด้วยดี คราวนี้เราท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เรื่องที่หนึ่ง สิ่งเสพติดเหล่านี้ไม่มีข้อห้ามเอาไว้ในพระวินัยตั้งแต่ต้น เนื่องเพราะว่ายุคสมัยนั้นไม่มี แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานข้อตัดสินในพระวินัยเอาไว้คือ มหาปเทส ๔ ซึ่งเรื่องสิ่งเสพติดในปัจจุบันนี้ จัดอยู่ในข้อสิ่งที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร แปลว่าผิดพระวินัยแน่นอน ดังนั้น..ถ้าเราท่านทั้งหลายเอามหาปเทส ๔ เข้าไปจับ โดยไม่มีใจอคติ เรื่องทุกอย่างจะจบได้ง่าย เพราะว่าชัดเจนมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2023 เมื่อ 02:23 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ เรื่องของกัญชา กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร กัญชาย่อมไม่สมควรต่อพระภิกษุสามเณร ไม่ใช่กฎหมายอนุญาตให้ครอบครองได้ไม่เกิน ๖ ต้น แล้วเราเป็นพระ เป็นเณร จะไปปลูกกัญชา จะเอาไว้เสพ เรื่องพวกนี้นั้น เป็นเรื่องที่ควรจะต้องละเว้นเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องเพราะว่า "หมอหนู" ไม่ใช่หมอ "หมอหนู" ตั้งใจขายกัญชาเท่านั้น..! จึงต้องหาทางแก้ไขให้กัญชาไม่ใช่พืชเสพติด แต่แก้ไขอย่างไรก็แก้ไขไม่ได้ กัญชาเป็นพืชเสพติดที่ให้ผลต่อจิตประสาท ไม่ว่าจะอ้างความดีในการรักษาโรคอะไรก็ตาม เราต้องไม่ลืม "มัชฌิมาปฏิปทา" ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือต้องพอเหมาะ พอดี แปลว่าควรจะอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ไม่ใช่ปลูกเอง เสพเองกันครึกครื้น เดี๋ยวก็ได้หลอนกัญชาฆ่ากันตายแบบที่เกิดคดีขึ้นมาไม่นาน แล้วทุกคนก็พยายามปิดข่าว เบี่ยงเบนว่าไม่ใช่ผลจากการเสพกัญชา..! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติพระธรรมวินัยเอาไว้ มีอานิสงส์อยู่ ๑๐ ประการ ประการหนึ่งก็คือกดข่มผู้เก้อยาก คำว่า ทุมฺมงฺกุ ในบาลีที่แปลว่า ผู้เก้อยาก คือพวกหน้าด้าน ต่อให้จับได้ต่อหน้าต่อตาก็ปฏิเสธ แบบวันนี้ที่เขาอ้างว่าโดนกลั่นแกล้ง..! ข้อที่สองก็คือเพื่อความสุขของผู้มีศีลเป็นที่รัก เนื่องเพราะว่าทุกคนอยู่ภายใต้ระเบียบเดียวกัน ปฏิบัติในสิ่งที่เหมือน ๆ กัน ย่อมไม่เกิดวิปฏิสาร คือความเดือดเนื้อร้อนใจว่าตนเองต่างจากผู้อื่น ดังนั้น..ในเรื่องของพระธรรมวินัย ถ้าหากว่าเราเคร่งครัด เข้มงวด และรู้จักระมัดระวัง โอกาสที่เราจะเดือดร้อนก็ไม่มี ยังโชคดีที่ว่าทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนกระทั่งตำรวจชุมชนที่เข้าไป เห็นแก่พระพุทธศาสนามาก จึงไม่ยอมให้นักข่าวเข้าไปในพื้นที่ ทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งยอมสึกหาลาเพศ และเข้ารับการบำบัดในเมื่ออยู่ในฐานะผู้ป่วย ก็ไม่ต้องโดนบันทึกประวัติ กลับออกมาบวชใหม่ได้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น ต้องถือว่าเป็นโครงการที่เอื้ออาทรเป็นอย่างยิ่งต่อผู้เสพที่หลงผิด แต่ถ้าหากว่าใครทำจนเป็นสันดาน ก็อาจจะต้องมีการลงโทษกันในทางอื่นต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2023 เมื่อ 02:26 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|