#1
|
||||
|
||||
ใครมียาแก้โรคกระเพาะอักเสบบ้าง
ผมอยากได้สูตรยาแก้โรคกระเพาะอักเสบครับ เพราะตอนนี้พี่สาวผมเป็นอยู่ ไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว แต่อาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ผมอยากได้สูตรยาแผนโบราณครับ ขอความอนุเคราะห์จากสมาชิกทุกท่านด้วยครับ
|
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ อ้นสองเจ็ด ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
ถาม : ผมลองทำดูแล้ว ปรากฏว่าก็ไม่เห็น...คืออาจจะเป็นเพราะ...(ไม่ชัด).... ผมเข้าใจว่าได้น้ำเยอะ แล้วแบ่ง ๓ ถ้วย
ตอบ: ไม่ใช่ ครั้งละถ้วย กำมือหนึ่งกับขมิ้นเท่าหัวแม่มือนะคั้นถ้วยเดียว... หญ้า แพรกหนึ่งกำมือ ขมิ้นชันเท่าหัวแม่มือ โขลกให้ละเอียด ละลายด้วยน้ำปูนใส คั้นให้ได้หนึ่งถ้วยชา กินก่อนอาหารเช้าอย่างน้อย ๓๐ นาที ถ้ารักษาโรคมะเร็งต้องไม่เกินระยะที่สอง ให้กิน ๓ วัน เช้าละถ้วย ถ้าหากรักษาโรคเบาหวานให้กิน ๓ วัน เว้น ๗ วัน แล้วกินอีก ๓ วันเว้น ๗ วัน กินอีก ๓ วัน เว้น ๗ วัน รวมแล้ว ๙ วัน กิน ๓ ครั้ง ๙ วัน ระหว่างที่กินอยู่ ก็เท่ากับเดือนหนึ่ง ๓ เว้น ๗ มันก็ ๑๐ ใช่มั้ย ? ก็เท่ากับระหว่างที่กินเดือนหนึ่ง เขาห้ามกินของหวานกับกะปิ เพราะฉะนั้นจะรักษาโรคเบาหวานนี่ลำบากหน่อย ถ้าเป็นโรค อักเสบภายในประเภทตับอักเสบ กระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ อะไรพวกนี้ รักษาได้ทั้งนั้น กินลักษณะเดียวกับมะเร็ง ก็คือว่ากิน ๓ วันเท่านั้น เอามาจากที่นี่ http://www.grathonbook.net/book/55.html หรือจะไปอ่านได้จากหนังสือสมบัติพ่อให้ครับ |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
ผมเคยเป็นโรคกระเพาะมา ไปรักษาที่โรงพยาบาลกินยาเป็นแคปซูลครับจะดี ไปรพ.รามาฯ หรือศิริราชก็ได้ครับ ตอนหลังผมกินไม่ค่อยหาย ผมกินกล้วยนำว้าสุกช่วยครับดีมากเลยครับ กินก่อนนอน เพราะเวลาเรานอนกลางคืนกรดมันจะหลั่งเยอะครับ หรือกินตอนที่ท้องว่าง ๆ ครับ แล้วไม่ต้องดื่มน้ำตาม หรือดื่มนิดเดียวแค่ล้างปากเพื่อให้กล้วยมันไปเคลือบกระเพาะไว้ครับ กินประมาณ ๓ วันจะค่อยยังชั่ว กินยาหมอคู่กันไปด้วย หรือจะดื่มนมสักนิดผสมตอนกินกล้วยก็จะไปช่วยเคลือบกระเพาะได้ดีขึ้นครับ หรือจะกินกล้วยน้ำว้าอย่างเดียวก็ได้ครับ และพยายามกินอาหารให้ตรงเวลา อย่ากินของพวกเปรี้ยว ๆ เค็ม เผ็ด ๆ จัดมาก ช่วงนี้มันจะแสบหรือเจ็บท้อง กล้วยน้ำว้าดีมากครับผมหายมาแล้วครับ อย่าไปกินพวกก้านคะน้าหรืออะไรที่มันแข็ง ๆ ครับ ถ้าจะกินผักกินใบมันครับอย่าไปกินก้านที่แข็ง ๆ ช่วงนี้ครับหลังจากกินกล้วยน้ำว้าไป ๓ วันแล้วก็กินไปเรื่อย ๆ ครับจนกว่าจะหายดี กินพอประมาณนะครับอย่ากินจนท้องแตกนะครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oba999 : 03-08-2009 เมื่อ 14:45 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ผมค้นหามาให้จากตำรับยาแผนโบราณของวัดท่าซุง คิดว่าน่าจะช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบได้นะครับ
ยาเทพประทาน ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ยาระบายตราเทวดานางฟ้า” ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่พระอินทร์และท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์ สรรพคุณมีผลในการรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ แก้ริดสีดวงทุกประเภท แก้โรคฝีคัณฑสูตร ขับลมดีมาก และเป็นยาระบายในตัว คนที่กินยานี้แล้วจะแก่ช้ากว่าปกติมาก เสียงจะใสขึ้น ถ้ารับประทานเป็นประจำจะป้องกันโรคมะเร็งได้ ราคายาแผนโบราณตำรับวัดท่าซุง ยาสมุนไพรที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้กรุณาให้จำหน่ายเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานนั้น บัดนี้ได้จดทะเบียนขึ้นตำรับยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยาที่จดทะเบียนขึ้นตำรับยาแล้วทั้งหมด ยังบรรจุในกล่องที่มีฝาสีเหมือนเดิม ส่วนประกอบของตัวยาเหมือนเดิมทุกประการ เข้าพิธีพุทธาภิเษกก่อนนำมาสงเคราะห์ลูกหลานเหมือนเดิม เพียงแต่ชื่อและสรรพคุณได้เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบการจดทะเบียนขึ้นตำรับยาของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ ๑. ยาขยายเส้น เปลี่ยนชื่อเป็น ยากษัยเส้น ราคา ๕๐ บาท ๒. ยาบำรุงประสาท เปลี่ยนชื่อเป็น ยาถ่ายแก้วกาญจน์ ราคา ๕๐ บาท ๓. ยาเทพประทาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาระบายตราเทวดานางฟ้า ราคา ๕๐ บาท ๔. ยารักษาโรคอัมพาต เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแก้ลม ราคา ๕๐ บาท ๕. ยาฟ้าทะลายโจร เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๖. ยาฤๅษีหายป่วย เปลี่ยนชื่อเป็น ยาระบายตราพระฤๅษี ราคา ๕๐ บาท ๗. ยาพระนอน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดพีดี ๔๐๐ และยาแคปซูลพีเฮิร์บ ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๘. ยาพระประทาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๕๐๐ ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๙. ยาหนอนตายอยาก เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลบ้านพงษ์ประดิษฐ์ ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๑๐. ยาเก้าร้อย เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๙๐๐ ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๑๑. ยาบรรเทาโรคมะเร็ง เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๒๐๐ ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๑๒. ยาบรรเทาโรคเบาหวาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลเอสแอล ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท ๑๓. ยาบำรุงเลือดสตรี เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแคปซูลสตรีบ้านพงษ์ประดิษฐ์ ราคา ๑๐๐ บาท ๑๔. ยาแมนเฮิร์บ เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแคปซูลเอ็มเฮิร์บ ราคา ๑๐๐ บาท ๑๕. ยาแคปซูลแอลเอฟ ราคา ๑๐๐ บาท ๑๖. ยาหอมตราเทวดานางฟ้า ราคา ๑๐๐ บาท ๑๗. ยาแคปซูลบีเฮิร์บ ราคา ๑๐๐ บาท ๑๘. ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ราคา ๑๐๐ บาท ๑๙. ยาเม็ดและยาแคปซูลคาร่า ราคา ๑๐๐ บาท หมายเหตุ ยาทั้งหมดนี้ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ควรนำเก็บไว้ในที่สูง ก่อนรับประทานควรอธิษฐานขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย พรหมเทวดาทั้งหมดทั่วทั้งจักรวาล ท่านเจ้าของยาและครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีท่านปู่ฤๅษีชีวกโกมารภัจจ์ หลวงปู่ปานวัดบางนมโค พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นที่สุด ให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ด้วย จะให้ผลดียิ่งขึ้น ที่มาจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=815
__________________
ขอฝากชีพถวายงานสานพระศาสน์.......ให้พิลาสสัทธรรมนำกุศล ขอฝากชื่อลือเลื่องเฟื่องหมู่ชน............ตราบชีพจนเสวยผลพ้นนิพพาน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลูกเจ้าคุณนรฯ : 03-08-2009 เมื่อ 19:51 |
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลูกเจ้าคุณนรฯ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ขอสาเหตุด้วยครับ ว่าเกิดมาจากการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์ หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ
|
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ อ้นสองเจ็ด ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
ขออนุญาตแนะนำก่อนว่า คุณสุรจิตรเป็นหมอแผนไทย
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
โรคกระเพาะอักเสบไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ เกิดจากการสะสมเป็นเวลาช้านานมีสาเหตุมาจากนิสัยไม่ดีหลายประการคือ ๑. กินไม่เป็นเวลาแน่นอนหรือปริมาณอาหารที่กินมากน้อยไม่แน่นอน บางวันกินมากเกินปกติบางวันกินน้อยกว่าปกติอาจเข้าใจว่าทดแทนกันได้ จริง ๆ แล้วมิใช่เลย จึงควรรักษาปริมาณให้ใกล้เคียงกันในแต่ละวัน อย่าทรมานกระเพาะด้วยการกินบ่อย ๆ ตลอดวัน กรดในกระเพาะจะหลั่งออกมาบ่อยครั้ง จึงควรกินเป็นเวลาที่แน่นอนวันละกี่ครั้ง(กี่มื้ออาหาร)ปริมาณใกล้เคียงกัน นี่คือสําหรับคนที่เริ่มเป็นโรคกระเพาะใหม่ ๆ อาการยังน้อย แก้ด้วยการเปลี่ยนนิสัยก็หายได้โดยไม่ต้องทานยา
หากเป็นมากแล้วหรือเป็นบ่อยแล้วต้องทานยาร่วมด้วย อาจต้องกินอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายลดปริมาณลงเพื่อให้กระเพาะทำงานน้อยลงรวมถึงจำนวนมื้ออาหาร ในระยะมีอาการปวดแน่นที่ลิ้นปี่บ่อย ๆ ต้องรับประทานถี่มื้อคือมากครั้งกว่าเดิมแต่ในปริมาณน้อยลงเพื่อให้ทำงานทีละน้อย ในวันที่มีอาการปวดมาก พออาการเริ่มดีขึ้นก็รับประทานวัน ๒-๓ ตามเดิม อาหารที่อ่อนควรเป็นข้าวขาวไปก่อนงด ข้าวกล้อง,ขนมปัง,นมสด,งา,ถั่วทุกชนิด,เนื้อสัตว์(ยกเว้นปลา ย่อยง่าย)อาหารทอด,ผัดน้ำมันมาก ๆ ไม่ควร พืชที่ควรรับประทานเพื่อลดความรุนแรงช่วยเคลือบผิวกระเพาะคือ กระเจี๊ยบเขียวต้มเมือกในกระเจี๊ยบช่วยเคลือบแผล ขมิ้นชัน(ผงหรือแคปซูล)รับประทานก่อนอาหารเพื่อเคลือบแผลเช่นกัน กล้วยดิบมียางเหนียวช่วยให้กล้ามเนื้อกระเพาะกลับแข็งแรงขึ้นถ้าสามารถระบประทานขมิ้นและกล้วยดิบขนาดเท่านิ้วก้อยก่อนอาหารได้จะช่วยไม่ให้อาการปวดแผลรุนแรงขื้นแต่ก็ต้องใช้เวลาสัก๒-๓วัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sumrit39 : 08-08-2009 เมื่อ 23:08 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
ขออภัยอย่างยิ่งครับจะแก้ไข้ให้ถูกต้องต่อไป ไม่ได้ใช้ภาษาเขียนมานานกว่า ๑๕ ปีแล้ว น้ำผลไม้ที่ดีกับกระเพาะอาหารคือ น้ำทับทิม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sumrit39 : 08-08-2009 เมื่อ 23:09 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
|||
|
|||
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี
“การดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า” (ก่อนแปรงฟัน) สามารถช่วยรักษาสุขภาพให้อยู่สภาพดีได้ ซึ่งจากผลจากการทดลองในประเทศญี่ปุ่นพบว่า “น้ำ” ช่วยชะลอความชรา และช่วยบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการรักษาได้ผลเกือบร้อยละ ๑๐๐ สำหรับโรคต่อไปนี้ - โรคระบบหัวใจ - โรคหัวใจเต้นเร็ว - โรคความดันโลหิตสูง ๓๐ วัน * - โรคเบาหวาน ๓๐ วัน * - โรคไขข้ออักเสบ ๓ วัน * - ปวดหัว ปวดตามตัว - โรคคอ หู จมูก - โรคหลอดลมอักเสบ - โรคหืด - วัณโรค ๙๐ วัน * - โรคลมบ้าหมู - โรคอ้วน - อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ - ไขสันหลังอักเสบ - โรคไตและยูริก - โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆ - โรคกระเพาะ ๑๐ วัน * - โรคท้องร่วง - โรคริดสีดวงทวาร - ท้องผูก ๑๐ วัน * - มะเร็ง ๑๘๐ วัน * - โรคตา - โรคภายในสตรี - รอบเดือนไม่ปกติ * เป็นผลจากการสังเกตการณ์ วิธีการปฏิบัติ : - ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ ๔ แก้ว (๖๔๐ ซีซี) - หลังจากนั้นสามารถอาบน้ำและล้างหน้าได้ตามปกติ และให้กินอาหารได้หลังจากดื่มน้ำไปแล้วไม่ต่ำกว่า ๔๕ นาที - หลังกินอาหารเช้า / กลางวัน / เย็น ไปแล้วประมาณ ๑๕ นาที ไม่ควรดื่มน้ำ หรืออาหารใดอีก จนกว่าจะครบ ๒ ชั่วโมง * ผู้ป่วย / คนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ ๔ แก้วให้ค่อย ๆ ดื่ม ไปเรื่อย ๆ จนครบ ๔ แก้ว สามารถบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ให้ค่อย ๆ ทุเลาเบาบางลงและหายขาดได้ในที่สุด โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่อาจจะปัสสาวะบ่อยขึ้น โดยหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ ๑ – ๒ ชั่วโมง จะมีอาการปวดปัสสาวะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จันทราญาณ : 07-08-2009 เมื่อ 20:19 |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ จันทราญาณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
เคยได้ยินมาเช่นกันค่ะว่า ตอนเราหลับจะมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์เกิดขึ้นในปากเรา เมื่อเราตื่นให้กินน้ำเพื่อล้างแบคทีเรียเหล่านั้น ลงไปตามหลอดอาหารไหลผ่านไปจนถึงลำไส้ แบคทีเรียเหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดเส้นทางที่ผ่านลงไปค่ะ และการดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันทีนี้ จะช่วยเรื่องการขับถ่ายค่ะ เคยอ่านพบว่าหากใครดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันทีนี้ได้ทุกวัน จะไม่ป่วยค่ะ หนูเคยลองมาระยะหนึ่งค่ะ อาการต่าง ๆ ดีขึ้น แต่ทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่งค่ะ (แหะแหะ) เลยเป็น ๆ หาย ๆ
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ยาสมุนไพรตำรับวัดท่าซุงนี้ ผมลองมาหลายตัวแล้วดีมาก ๆ ให้ผลเร็วกว่ายาแผนปัจจุบันด้วยนะครับ ใครว่ายาสมุนไพรให้ผลช้าความจริงไม่ใช่เลย เวลาไม่สบายมีอาการเจ็บคออย่างมาก เวลากลืนน้ำลาย ใช้ยาแผนปัจจุบัน เอายาอย่างดีนะครับ ต้องใช้เวลาประมาณ ๒ ถึง ๓ วัน กว่าอาการจะคลายตัว แต่ผมทานยาแคปซูลบีเฮิร์บ ราคา ๑๐๐ บาทของวัดท่าซุง ๒ ถึง ๓ เม็ดไม่เกิน ๑ ชั่วโมงอาการคลายตัวเลย อย่าเชื่อผมนะครับแต่ลองดูได้ครับ ผมลองมาหลายครั้งแล้ว แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พรมใต้กระโถน : 08-08-2009 เมื่อ 13:01 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พรมใต้กระโถน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ถ้ามีอาการท้องผูกร่วมด้วยน้ำทับทิมจะเป็นอันตรายแทนนะครับ
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์ หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
|||
|
|||
ที่เราเคยเป็นแล้วหายก็จะทานกล้วยน้ำว้าเวลาที่ท้องว่างค่ะ จะช่วยเคลือบกระเพาะอาหารได้ดี แล้วก็พยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้เพื่อเจือจางกรดในกระเพาะอาหาร เวลาที่ปวดก็จะทานยาขมิ้นชันแบบแคปซูลร่วมด้วย
จะให้ดีกว่านั้นก็เจริญพระกรรมฐานกำหนดรู้ด้วยว่า ปวดหนอ ปวดหนอ ไปเรื่อย ๆ แล้วจะหายปวดไปเอง พอหายปวดก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรด้วยนะคะ ทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดมีเกิดเป็น บุญรักษาค่ะ แก้ไขแล้วนะคะไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่คะ กราบขอโทษด้วยค่ะที่เข้ามาแก้ไขช้า แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มิตา : 27-09-2009 เมื่อ 20:55 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
|||
|
|||
ครับขอเสริมอีกเรื่อง ตอนเราเครียด ๆ กรดในกระเพาะอาหารจะหลั่งออกมามาก หากเราทำตัวไม่เครียดโดยการทำสมาธิบ่อย ๆ เวลารู้ว่าเครียดก็ภาวนาให้ใจเป็นสุข ผมว่ามันจะช่วยป้องกันเรื่องโรคกระเพาะได้มากครับ เป็นการรักษาและป้องกันทางใจควบคู่กันไปด้วยครับ
|
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ อักขรัญญ์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|