#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพฝ่ารถติดไปทำฟันกับหมอเพชร (ทันตแพทย์เพชรไพฑูรย์ จันทร์ชูเชิด) ซึ่งท่านเป็นเพื่อนรุ่นพี่ร่วมสำนักหลวงปู่มหาอำพัน - พระเดชพระคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) แห่งคณะเหนือ วัดเทพศิรินทราวาส ของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งหมอเพชรก็ปวารณาเอาไว้ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะบวชใหม่ ๆ ถ้าหากว่าในเรื่องของการทำฟันแล้ว ยินดีบริการทุกอย่าง จึงต้องใช้บริการของท่านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพมีเวรมีกรรมในเรื่องฟันมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถึงเวลาฟันผุจะไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา โดยที่จะผุจากข้างในออกมาข้างนอก กว่าที่จะรู้ตัว ข้างในก็กลวงหมดแล้ว เมื่อเจาะผิวนอกเข้าไป ข้างในก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้เลย หมอมีหน้าที่ก็คืออุดอย่างเดียว ถ้าซี่ไหนอุดแล้วไม่สามารถที่จะ "เอาอยู่" ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรักษารากฟัน แล้วก็ทำครอบฟันแทน กระผม/อาตมภาพได้รบกวนหมอเพชรมาเกินกว่า ๓๐ ปีแล้ว ต้องขอเจริญพรขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย หลังจากนั้นก็ได้กลับมาฉันเพลที่กุฏิริมป่าช้า วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แล้วภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ แต่ว่าช่วงนี้ไม่สามารถที่จะสะสมเสบียงบุญได้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าโทรศัพท์มือถือของตนเองนั้นมีปัญหาอะไร เนื่องเพราะว่าหลุดบ่อยมาก ดังนั้น..ต่อให้ได้เวลาแล้วชั่วโมงกว่าสองชั่วโมง บทจะหลุดก็หายไปเฉย ๆ กลายเป็นทำฟรี แต่ก็ไม่เป็นไร เนื่องเพราะว่าผู้ที่กำไรก็คือตนเอง..! เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ในช่วงบ่ายกระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดเซิงหวาย (วัดเวตวันธรรมาวาส) ถนนกรุงเทพฯ - นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ขอยืนยันว่าวัดนี้ชื่อว่า "วัดเซิงหวาย" แต่ว่าญาติโยมร้อยละ ๙๙.๙๙ จะอ่านว่า "วัดเชิงหวาย" คำว่า เซิงหวาย ในที่นี้ก็คือยอดหวาย ที่ถึงเวลาแล้วก็มักจะม้วนรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ใครที่เคยตัดหวายก็จะรู้ เนื่องเพราะว่ากว่าจะดึงออกมาได้แต่ละเส้นนั้นก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว แต่เนื่องจากว่าเด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจ แม้กระทั่งคำว่า กระเซอะกระเซิง มีลักษณะอย่างไรก็ไม่รู้จักกันแล้ว จึงทำให้อ่านกันเป็น "วัดเชิงหวาย" ทั้ง ๆ ที่เป็นคำผิด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2023 เมื่อ 00:00 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อไปถึง กระผม/อาตมภาพตั้งใจจะเข้าไปกราบสังขารหลวงพ่อผล - พระราชนันทาจารย์ (ผล อกฺกโชติ ป.ธ.๕) อดีตเจ้าอาวาสวัดเซิงหวาย ซึ่งมรณภาพตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ แล้วสังขารของท่านไม่เน่าไม่เปื่อย ยังอยู่เป็นหลักชัยให้กับลูกศิษย์มาจนปัจจุบันนี้ ปรากฏว่าเข้าไปถึง ก็ได้พบกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จหนกลางนั้น ท่านจะต้องเป็นประธานในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลวันนี้ในตอน ๔ โมงเย็น แต่ท่านก็เมตตาเดินทางมาถึงก่อนเวลานานมาก กระผม/อาตมภาพเมื่อกราบแล้ว ท่านก็ยังให้จัดที่นั่งเอาไว้ข้างเคียงกับท่าน เพื่อที่จะได้พูดคุยกัน และยังเมตตาอนุญาตให้ถ่ายภาพร่วมกับท่านด้วย โดยที่กระผม/อาตมภาพแม้ทราบว่าท่านมีความจำแม่นยำมาก เคยพบเคยเจอใคร สามารถที่จะบอกชื่อบอกวัดได้ถูกหมด แต่ก็ยังต้องถอดหน้ากากอนามัยที่ใส่ไว้ตามมารยาท เนื่องเพราะว่าการเข้าพบผู้ใหญ่ ถ้าหากว่าเราใส่หน้ากากไป บางท่านก็จำเราไม่ได้ เมื่อได้เวลา ทางคณะกรรมการก็เชิญไปถ่ายรูปสตูดิโอก่อน เพื่อที่เอาไว้ในการทำประชาสัมพันธ์ ในส่วนของการจำหน่ายวัตถุมงคลของสถานที่นั้น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องปกติของยุคสมัยนี้ไปแล้ว ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปถ่ายรูปก่อนพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จหนกลาง หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับสถานที่ถ่ายรูป เนื่องเพราะว่าบรรดาพระเกจิอาจารย์ได้ทยอยกันมา แม้กระทั่งพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ก็อุตส่าห์ได้รับนิมนต์มานั่งปรกอธิษฐานจิตในงานนี้ด้วย ส่วนท่านอื่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้ที่รู้จักมักคุ้นกันทั้งนั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาพระเกจิอาจารย์ได้รับนิมนต์ ก็มักจะได้รับนิมนต์ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงทำให้งานโน้นก็ได้พบ งานนี้ก็ได้เจอกัน โดยเฉพาะงานนี้ หลวงพ่อขวัญชัย (พระครูวิจิตรธรรมรัตน์) วัดนามะตูม ท่านยังเอารูปหล่อของท่านมาให้ช่วยตรวจว่า มีความเหมือนหรือใกล้เคียงตัวตนของท่านมากเท่าไร ? กระผม/อาตมภาพดูแล้วยังทึ่งกับเทคโนโลยีของสมัยนี้ เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อขวัญชัยท่านบอกว่า เขามาสแกนทั้งตัวเลย นอกจากที่จะทำรูปหล่อขนาดเท่านองค์จริงแล้ว ก็ยังทำรูปหล่อลอยองค์ที่นำมาให้ดูนี้ด้วย เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้างรูปหล่อรุ่นฉลองอายุ ๗๒ ปีของท่าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2023 เมื่อ 00:03 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
หลังจากนั้น เมื่อพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ทยอยกันมา เท่าที่เห็นก็มีพระอาจารย์วิชัย (พระครูโกวิทชัยกิจ) วัดหัวเด่น ลูกศิษย์หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ยังมีท่านพระครูวิธานสุตาภิรม (ฐิติวัชร์ วรวฑฺฒโน ป.ธ.๔) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบรมธาตุวรวิหาร เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองชัยนาทก็มาด้วย แล้วที่เป็นเรื่องแปลกก็คือทั้ง ดร.พระครูกล้าก็ดี ท่านมหาฐิติวัชร์ก็ตาม แทนที่จะมาในฐานะพระมหานาคเจริญพระพุทธมนต์ กลายเป็นว่ามาในฐานะของพระเกจิอาจารย์นั่งปรกไปเสียทั้งหมด
นอกนั้นเท่าที่เห็นก็ยังมีหลวงพ่อสมบูรณ์ (พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์) วัดหงส์รัตนาราม หลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) เจ้าคณะตำบลบางกระเบา เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์หรือว่าวัดแคแถว หลวงพ่อแก้ว (พระครูปลัดสุวัฒนเถรคุณ) วัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนท่านอื่น ๆ นั้น นั่งไกลจนเกินไป ไม่สามารถที่จะกราบทักทายกันได้ทั่วถึง เมื่อได้เวลา พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ก็ทำการเจิมและจุดเทียนชัย พระมหานาคเริ่มสวดพุทธาภิเษก กระผม/อาตมภาพกราบขอบารมีพระช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ในวัตถุมงคลครั้งนี้ เสร็จแล้วก็ต้องนั่งกลุ้มใจ เนื่องเพราะว่าพระเกจิอาจารย์นั้นท่านมากันสารพัดสาย และโดยเฉพาะพระอาจารย์อึ่ง (พระปลัดสุเทพ สุทฺธสีโล) เจ้าอาจารย์วัดเซิงหวาย ของท่านมาไสยศาสตร์แท้เลยทีเดียว ถึงขนาดเคยสร้าง "ขุนแผนโคโยตี้" ให้เป็นที่ฮือฮาในวงการสงฆ์มาแล้ว ก็คือมีทั้งตำหนิ มีทั้งชื่นชมว่าท่านสามารถที่จะประยุกต์ขึ้นมาได้ กระผม/อาตมภาพต้องมานั่งเครียดในการ "จัดกระแส" ในการที่จะปรับเปลี่ยนกระแสต่าง ๆ นั้น อาจจะทำให้วัตถุมงคลบางส่วน แทนที่จะออกไปทางเสน่ห์ยาแฝด เมตตามหานิยม หรือลงไปทางด้านเชิงสังวาส ก็อาจจะกลับกลายเป็นวัตถุมงคลพลังพุทธคุณขึ้นมาแทน โดยเฉพาะในส่วนขององค์พระพิราพ ต้องบอกว่าอาจจะ "เสียของ" ไปเลยก็ได้..! เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็เที่ยว "ดูใจ" ของบรรดาพระเกจิอาจารย์รูปอื่น ๆ ว่าแต่ละท่านนั้นมีความชำนาญในสายไหน ? และมีวิธีการปรกพุทธาภิเษก หรือว่าปลุกเสกวัตถุมงคลแบบใด ? แล้วก็เห็นว่าร้อยละ ๙๕ ต่างก็ใช้กำลังของตนเองทั้งสิ้น ก็คือศึกษาวิธีการจากครูบาอาจารย์มาอย่างไร ก็ใช้กำลังสมาธิสมาบัติของตนเอง ในการปลุกเสกอธิษฐานจิตไปแบบนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2023 เมื่อ 00:07 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพยังดีใจว่า ครูบาอาจารย์ของเรา ช่างรู้ใจลูกศิษย์เหลือเกินว่า กระผม/อาตมภาพเป็นคนขี้เกียจ ถ้าต้องให้ใช้กำลังของตนเอง ดีไม่ดีก็ไม่รับงานเอาเสียเลย แต่เมื่อสามารถที่จะขอบารมีพระ บารมีพรหม บารมีเทวดา หรือว่าบารมีของครูบาอาจารย์สงเคราะห์ ก็พอที่จะทนทำงานเหล่านี้ได้
แล้วส่วนที่คนอื่นมักจะหัวเราะก็คือ กระผม/อาตมภาพเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ไร้จุดเด่นโดยสิ้นเชิง..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระเกจิอาจารย์บางท่านก็มีลายสักเต็มองค์ บางท่านก็เคี้ยวหมากปากแดงมาแต่ไกล บางท่านก็ถือไม้เท้าที่มีสัญลักษณ์ของตนเอง บางท่านก็มีลูกประคำยาวแทบจะลากพื้น เหล่านี้เป็นต้น แต่กระผม/อาตมภาพมา "ตัวเปล่าเล่าเปลือย" แทบจะไม่มีอะไรให้เห็นเลยว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ เข้าไปบางวัด เขายังคิดว่าเป็นพระอาคันตุกะ มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเสียด้วยซ้ำไป แต่พอมีผู้รู้จักกรูกันเข้ามากราบ ก็ทำเอาผู้ที่ไม่รู้จักถึงขนาดนั่งงง ๆ ว่า "ท่านนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้มีแฟนคลับเยอะเหลือเกิน..!?" เหล่านี้เป็นต้น เมื่อเสร็จพิธี กระผม/อาตมภาพรับไทยธรรมแล้ว ก็ออกจากโบสถ์ไล่ ๆ กับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เนื่องเพราะว่าช่วงเวลานี้ถ้าช้า รถก็จะติดมากเป็นพิเศษ แต่ขนาดนั้นก็ตาม เมื่อมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนที่กุฏิริมป่าช้า วัดอุทยานแห่งนี้ ก็ยังถึง ๕ โมงครึ่งทีเดียว แต่ว่าก็ยังได้กำไรในเวลาพุทธาภิเษก เพราะว่ากดสะสม "เสบียงบุญ" ไปได้ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ขอให้ทุกท่านได้โมทนาร่วมกัน สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2023 เมื่อ 00:09 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|