#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เลขาฯ บอส (พระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม) ไม่อยู่ ตอนแรกท่านตั้งใจจะลาไป "บึงลับแล" แต่โชคดีที่เปลี่ยนใจได้ทัน เพราะว่าหน้านี้ฝนลงแล้ว ไมยราบเลื้อยจะงอกงามมาก กระผม/อาตมภาพเองเคยเจอมาแล้ว สถิติกิโลเมตรละ ๒ ชั่วโมง..! เดินซ้ายก็เกี่ยว เดินขวาก็ติด ต้องถางต้องฟันไปตลอดทาง
ปกติเข้าป่าบ้านเราเขาเลือกเข้ากันหน้าแล้ง แต่คำว่าหน้าแล้งในที่นี้ก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะว่าถึงจะเป็นเดือน ๔ เดือน ๕ ก็ตาม อยู่ในป่ามีสิทธิ์เจอฝนได้ตลอดเวลา บางทีพระที่ไปด้วยกัน เข้าไปในป่าห้วยขาแข้ง เห็นเนินทรายกลางลำห้วยน่านอนมาก จะไปปักกลดที่นั่น กระผม/อาตมภาพต้องห้ามเอาไว้ เพราะว่าถ้าเหนือน้ำมีฝนตกสักชั่วโมงก็เป็นเรื่องเลย ถึงเวลาน้ำหลากมานี่เราจะหนีไม่ทัน..! เวลาเข้าป่า ในเรื่องของสัตว์ป่านั้นมีอันตรายน้อยกว่าภัยธรรมชาติ ตัวกระผม/อาตมภาพเองเจอมาแล้ว ทั้งน้ำป่า ไฟป่า พายุลูกเห็บ แล้วรอดมาได้ ก็ต้องบอกว่าเวรกรรมยังมีมากอยู่ โดยเฉพาะอยู่ในป่า เวลาฝนตกถ้าหาที่บังไม่ได้ บางทีต้องนั่งยอง ๆ กางกลดอยู่กลางป่านั่นแหละ แล้วเวลาฝนตกหนัก ๆ กลดก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกท่านอาจจะเห็นว่ากลดก็คือร่ม ต้องกันฝนได้..ไม่จริงครับ เวลาฝนเม็ดใหญ่ ๆ ตกลงมาจะทะลุกลด เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ ต้องใช้วิธีเอาบาตรตั้งพื้นแล้วก็นั่งทับบาตรไว้ กางกลดไว้เป็นเพื่อน กางเต็มที่ก็ไม่ได้ เพราะว่าถ้ากางเต็มที่ ฝนตกก็จะหยดทะลุ ต้องกางไว้ครึ่ง ๆ ให้ลาดเอียงเยอะ ๆ หน่อย ถึงเวลาฝนตกลงมาก็จะได้ไหลผ่านลงไปง่าย ๆ เรื่องของสัตว์ป่าไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวมีแค่สัตว์เลื้อยคลาน พวกแมงป่อง ตะขาบ หรือว่างู พวกสัตว์ใหญ่อย่างเสืออย่างช้าง ไม่มีอะไรน่ากลัว กระผม/อาตมภาพเองเคยไปปักกลดขวางด่านสัตว์ลงกินน้ำในช่วงหน้าแล้ง บริเวณนั้นเหลือน้ำอยู่แอ่งเดียว อยากจะรู้ว่าทำไมครูบาอาจารย์ท่านถึงบอกว่า เข้าป่าอย่าปักกลดขวางด่านสัตว์ ก็ไปรู้เอาตอนนั้นเอง ด่านสัตว์ก็เหมือนกับถนนหลวง ถึงเวลาเขาต้องเดินตรงนั้น ยังโชคดีที่บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่มา เต็มที่ก็แค่เสือ ถ้าเป็นช้างมา ดูท่าว่ากระผม/อาตมภาพโดนเหยียบแน่นอน สัตว์อื่นพอเห็นผิดปกติ เขาก็มักจะเลี่ยงไป มีแต่เสือที่เข้ามาสำรวจจนติดกลดเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2023 เมื่อ 01:32 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่คราวนี้เสือไม่ได้มีนิสัยว่าเจอคนแล้วต้องล่า เพียงแต่ว่าเสือเป็นสัตว์ที่ขี้สงสัย เจออะไรต้องตามดูจนกว่าจะหายสงสัย จึงตามไปแบบเดียวกับที่พระครูหน่อย (พระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินฺโน) เจอมา ก็คือหลังจากที่หนีเสือขึ้นต้นไม้ไปแล้ว ลงมาก็เดินไปด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเสือตามมาดู พอเสือดูจนเบื่อก็กระโดดตัดหน้าข้ามถนนไป รายนี้ระแวงอยู่แล้วก็วิ่งสุดชีวิต ความจริงถ้าเสือจะกินก็ตะครุบเอาไปกินตั้งแต่แรกแล้ว..!
ในป่าถ้าหากว่าเจอช้าง อันตรายกว่าเสือมาก โดยเฉพาะช้างแม่ลูกอ่อน จะหวงลูก แล้วลูกช้างเวลาเจอคนก็มักจะวิ่งมาเล่นด้วย เป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขึ้นจากลำห้วยไปเจอลูกช้าง กระผม/อาตมภาพถอยหลังกรูดเลย บอกพรรคพวกว่า "รีบ ๆ ขึ้นฝั่งไป กลับไปทางเดิม" ปรากฏว่ามหาเค (พระมหาธีรวุฒิ ธีรปญฺโญ) บอกว่า "ตัวใหญ่กว่าควายหน่อยเดียว ทำไมต้องกลัวด้วย ?" กระผม/อาตมภาพชี้ให้ดูในกอไผ่ เวลาช้างยืนนิ่ง ๆ ถ้าตาเราไม่ดีจริงนี่มองไม่เห็นนะ บอกว่า "แล้วคุณรู้ไหมว่าแม่ควายตัวใหญ่แค่ไหน..!?" บางทีไปกับคนดื้อนี่ก็พูดยาก ไปนอนใน "บ้านช้าง" กัน เวลาอยู่ในที่ปลอดภัย ช้างเขาจะทำที่นอน โดยดึงเอาหญ้ามากองรวม ๆ กันไว้ กว้างประมาณ ๒ เมตร หนาสักศอกหนึ่ง ตัวหนึ่งก็มีเบาะนอนอันหนึ่ง ถึงเวลาเขาก็นอนบนนั้น พวกเราก็ไปยึดที่นอนช้าง แต่กระผม/อาตมภาพบอกกับทุกคนที่ไปว่า "ถ้าช้างเข้ามา กรุณาปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้ด้วย แล้วที่แน่ ๆ อย่าลืมกระติกน้ำ ถ้าช้างล้อมอยู่เป็นวัน จะได้ไม่อดน้ำตาย..!" คราวนี้ยังมีไอ้พวกหัวรั้นถามว่า "ในเมื่อเรามอบกายถวายชีวิตแล้ว ทำไมต้องหนีด้วย ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "มึงมอบกายถวายชีวิตกับพระพุทธเจ้า แต่ถ้ามึงตายห่..พ่อแม่มึงจะเอาเรื่องกู..! เพราะฉะนั้น..กรุณาปีนต้นไม้หน่อย" บอกเสร็จกระผม/อาตมภาพก็นอนอยู่ในทางเดินนั่นแหละ เวลาช้างเดินบ่อย ๆ ทางด่านจะลึกประมาณศอกกว่า ๆ กันลมได้พอดี ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่นอน ก็คือบอกคนอื่นให้เตรียมหนี แต่ตัวเองนอนอยู่ในนั้นเลย..! แล้วเท่าที่เจอมา ช้างเป็นสัตว์ที่รู้ภาษาจริง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ช้างรู้ภาษาทุกตัว มีอะไรให้พูดกับเขาดี ๆ ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ไม่เชื่อ แต่คราวนี้พอเดินธุดงค์ไป ส่วนใหญ่ต้องเดินตามลำห้วย เพราะว่าด้านข้างเป็นป่าดงดิบ รกทึบไปหมด เจอช้าง ๔ - ๕ ตัว หากินอยู่เต็มลำห้วย ก็ได้แต่ยืนรอ รอไปครึ่งค่อนชั่วโมงก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะขยับไปไหน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2023 เมื่อ 01:25 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในที่สุดกระผม/อาตมภาพก็ตัดสินใจตะโกนขึ้นมาเลย "ช้างจ๋า..ขอผ่านหน่อยจ้า..!" ช้างทุกตัวหยุดกึก..หันมามอง พอเห็นเป็นพระ ทุกตัวก็เบียดเข้าหาริมห้วย ทำตัวลีบ ๆ ให้กระผม/อาตมภาพเดินผ่าน..ดูแล้วน่ารักมาก
แต่ขอโทษ..กระผม/อาตมภาพตะแคงข้างเดินเอา ตาดูช้าง..กะว่ามึงขยับตัวเมื่อไร กูก็โกยสุดฝีตีน..! แต่เขารู้ภาษาจริง ๆ เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายจะใจเย็นพอที่จะคุยกับช้างหรือเปล่า ? เพราะว่าช้างในป่านี่ตัวใหญ่กว่าช้างข้างนอกเป็นเท่าตัว ไอ้ช้างข้างนอกที่เราเอากล้วยเอาอ้อยไปเลี้ยงเวลาเขาขี่รับนักท่องเที่ยวนั่น ประมาณลูกช้างตัวย่อม ๆ เท่านั้นเอง..! ส่วนในเรื่องของผีของเทวดา ก็ตัวใครตัวมันละครับ สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือคาถากรณียเมตตสูตร ภาวนาแล้วตั้งใจแผ่เมตตาให้กับเขาทั้งหลาย บอกขออนุญาตมาค้างอยู่ชั่วคราวเพื่อปฏิบัติธรรมเท่านั้น เราทำความดีอะไรขอให้พวกเขาโมทนาด้วย เรื่องพวกนี้จัดการยากกว่าสัตว์ป่า สัตว์ป่าเจอคนมักจะหนี แต่บรรดาผีบรรดาเทวดา เจอคนเจอพระมักจะแกล้ง ทดสอบดูว่าเก่งแค่ไหนที่ออกมาธุดงค์..!? อย่าคิดนะครับว่าสมัยนี้ไม่มีแล้ว กระผม/อาตมภาพไปเจอมาทุกที่เลย โดยเฉพาะที่บึงลับแลนี่ยุติธรรมที่สุด ปกติเวลาผีหลอก บางทีนั่งอยู่ด้วยกัน ๔ - ๕ คน เราจะเห็นคนเดียว แต่ที่บึงลับแลนี่ อยู่กี่คนรับรู้เท่ากันหมด..! กระผม/อาตมภาพเข้าไปอยู่ที่บึงลับแลนานที่สุด เกือบ ๆ สองเดือนครึ่ง อยู่จนกระทั่งเป็นเพื่อนกับผี เป็นเพื่อนกับสัตว์ไปเลย พวกสัตว์เวลาเห็นเราไม่ทำอะไร ก็หากินใกล้เข้ามาเรื่อย ท้ายที่สุดก็มาหากินอยู่รอบตัว โดยเฉพาะพวกลิง..มีเยอะมาก ข้าวของนี่ห่างมือไม่ได้เลย โดนขโมยทันที แม้กระทั่งจะไปส้วม ยังต้องสะพายย่ามไป ไม่อย่างนั้นจะโดนลิงลากขึ้นไปบนยอดเขา รื้อกระจายหมด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2023 เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ในเรื่องของการเข้าป่าเข้าดง พวกท่านทั้งหลายคิดจะเข้ากันทุกคน กระผม/อาตมภาพแนะนำง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก ไปนอนคนเดียวบนยอดเขาพระพุทธบาทโน่น..! ถ้าบนยอดเขารู้สึกสบายไป ก็นอนสักกลาง ๆ เขา ข้างบนก็ไม่เห็น ข้างล่างก็ไม่เห็น จะได้วัดว่าตัวเองมีความกล้าแค่ไหน..!?
หรือไม่ก็ข้างทางรถไฟสายมรณะ เผื่อกลางค่ำกลางคืนทหารญี่ปุ่นจะมาชวนคุยบ้าง..! คือวัดเราไม่ต้องไปไกล มุมไหนก็มี จะเอาสนุกกว่านั้น ก็เดินข้ามห้วยไปปักกลดในที่ดินป้าตุ่น (นางสาวบุญสนอง บุญยงค์) แถวนั้นก็หลอนใช้ได้เหมือนกัน แต่ระวังไว้หน่อย เพราะว่างูจงอางแถวนั้นตัวใหญ่มาก..! เวลาที่งูจงอางชูหัวขึ้นมานี่ไม่ใช่เขาจะทำร้ายเรา เจ้าพวกนี้ตาไม่ค่อยดี แค่ต้องการดูให้ชัดว่าเราเป็นตัวอะไร ถ้าเห็นว่าไม่มีอันตราย เขาจะลดหัวลงแล้วก็เลื้อยไป แต่ส่วนใหญ่พวกเราพอเห็นเขาชูหัว กูก็สับตีนแตกก่อนเลย..! พวกรุ่นเก่า ๆ อย่างพวกปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) เขาเคยเห็นกระผม/อาตมภาพจับให้ดูต่อหน้าต่อตามาแล้ว คือถ้าเขาลดหัวลง แปลว่าเขาไม่คิดที่จะทำอันตรายเรา ตอนนั้นจับได้เลย เพียงแต่ว่าพวกท่านใจไม่ค่อยจะถึงเท่านั้นเอง ฉะนั้น..ในเรื่องของการไปธุดงค์ เรื่องสัตว์ไม่น่ากลัวเท่ากับภัยธรรมชาติ แล้วเรื่องภัยธรรมชาติก็ยังพอลุ้น ไม่เหมือนเรื่องผีเรื่องเทวดา นั่นต้องแล้วอารมณ์เขา สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2023 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|